ถึง…เธอ
จดหมายฉบับนี้ผมจะเริ่มนำคุณเที่ยว Sydney ด้วยตัวเอง หลังจากที่ทริป Brisbane – Moreton Island – Gold Coast นั้นเป็นการเที่ยวโดยผมใช้บริการของบริษัททัวร์ ดังนั้นในเช้าวันสุดท้ายของโปรแกรมที่ลูกทัวร์คนอื่นๆ จะเดินทางกลับไป Brisbane เพื่อบินกลับเมืองไทย ผมได้แยกตัวไปสนามบิน Gold Coast เพื่อจะบินไป Sydney
เช้าวันเดินทาง หลังจากที่ทานมื้อเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มตั้งต้นการเดินทางด้วยตัวเองที่สถานี Surfer Paradise ซึ่งอย่างที่ผมเคยเขียนมาเล่าครับว่าสถานีนี้อยู่ติดกับโรงแรมเลย
สถานนี้รถรางของที่นี่จะเป็นสถานีเล็กๆ ซึ่งจะมีตู้ซื้อตั๋วอยู่ใกล้ๆ จุดขึ้นรถเลย
การซื้อตั๋วก็ทำได้ไม่ยากแค่ แค่ระบุสถานีที่ต้องการจะลง โดยวิธีเลือกที่สะดวกสุดคือเลือกจากตัวอักษร ดังนั้นสถานีที่เราต้องการไปลงคือสถานี Broadbeach South เราก็ต้องเลือกตัว B ก่อน แล้วก็เลือกสถานีได้เลยครับ
เมื่อเราเลือกสถานีแล้ว ระบบก็จะคำนวณค่าโดยสารให้ คุณก็จ่ายไปตามนั้น แล้วก็จะได้ตั๋วเป็นกระดาษมาครับ

เมื่อไปถึงสถานี Broadbeach South แล้ว ผมก็ต้องเปลี่ยนไปต่อรถบัสไป Airport สาย 777 ซึ่งจอดอยู่ตรงสถานีเดียวกันเลย แค่เดินจากฝั่งรถรางมาฝั่งรถบัสแค่นั้น สะดวกมากๆ ครับ
ภายในรถสาย 777 ที่จะวิ่งไป Airport จะเป็นรถ 2 ชั้นและมีที่วางกระเป๋าด้วย แต่เท่าที่เห็นมีพื้นที่กันสำหรับวางกระเป๋าไม่เยอะมากนะครับ เพราะฉะนั้นผมแนะนำว่ามายืนต่อคิวล่วงหน้าดีกว่า จะได้มั่นใจว่ามีที่วางกระเป๋าแน่ๆ
นั่งไปสักพักก็มาถึงแล้วคับ สนามบิน Gold coast ซึ่งผมต้องไป check in กันที่ Counter Check in ของสายการบิน Virgin ที่ผมจองมาล่วงหน้าแล้วจากเมืองไทย
เท่าที่เห็นในสามบิน Gold Coast ตอนนี้ใช้ระบบ Self- Check in กันหมดแล้ว บ้านเราสายการบิน Low Cost ต่างๆ ตอนนี้ก็เริ่มใช้ระบบนี้แล้วเหมือนกัน
ที่ตู้ Check in อัตโนมัติ หลังจากคุณ key ข้อมูลอะไรต่างๆเสร็จ ก็จะมีใบ Tracking ของกระเป๋า พร้อม Boarding Pass ออกมาให้ โดยเจ้าใบ Tracking กระเป๋าคุณจะต้องไปรัดกับกระเป๋าเดินทางเองโดยในใบจะมีวิธีการให้เรียบร้อย แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะทำได้ถูกต้องก็ติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบินที่ยืนคอยให้บริการอยู่แถวนั้นได้ครับ
ในส่วนของการ Load กระเป๋า คุณจะนำกระเป๋าไปโหลดกับเจ้าหน้าที่ที่ counter ก็ได้ หรือจะไปใช้เครื่องอัตโนมัติก็ได้ ตอนนี้ Trend ภาคบริการทั่วโลก ระบบมันถูกออกแบบมาให้ไม่ต้องใช้แรงงานคนอีกแล้ว ต่อไปนโยบายหาเสียงคงไม่ใช่ว่าค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นเท่าไหร่อีกแล้ว ขอแค่มีงานให้คนทำก่อนนะผมว่า มันค่อยๆหายไปทีละงาน 2 งานแล้ว
หลังจากโหลดกระเป๋าแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปข้างในเพื่อรอขึ้นเครื่องตาม Gateที่ระบุไว้ โดยด้านในจะมีร้านอาหารให้บริการ ถ้าหิวก็เข้าไปทานด้านในได้นะครับ
สนามบิน Gold Coast เป็นสนามบินเล็ก เครื่องบินจะมาจอดอยู่ด้านนอก เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเรียกแล้วคุณก็ค่อยเดินไปขึ้นเครื่องกันครับ
บนเครื่องของสายการบิน Virgin จะมีบริการน้ำดื่มให้ 1 แก้ว กับขนม 1 ชิ้นนะคับ ถ้าคุณไม่อิ่ม ซื้อได้ ราคาเริ่มต้นที่ 5$
บินไปไม่นานก็ถึงแล้วคับ สนามบิน Sydney
เมื่อมาถึงสนามบิน Sydney แล้วมีวิธีการเข้าเมืองที่สะดวกมากคับนั่นคือรถไฟ Airport link ที่จะวิ่งตรงเข้าเมืองเลย โดยคุณต้องเดินตามป้ายลงไปชั้นใต้ดิน ซึ่งผมเขียนมาเล่าให้คุณอ่านแล้วในตอน Review Bounce Hostel , Sydney , Australia
ตอนนั้นสารภาพว่าผมตื่นเต้นมากครับ อยากนั่งรถไฟ airport link ตัวนี้ เพราะเป็นรถไฟที่มี 2 ชั้น ผมรู้สึกว่ามันแปลกดี555 (จริงๆอาจจะนับเป็น3 ชั้นก็ได้เพราะมีชั้นลอยด้วย)
จากสนามบินผมนั่งมาลงที่สถานี Central Station ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ ถือเป็นชุมทางที่จะมีรถวิ่งไปอีกหลายจุดหมายเลย รวมระยะเวลาจากสนามบินไม่นานเลยครับน่าจะเพียง15 นาทีเท่านั้นเอง
ที่ผมเลือกมาลงสถานีนี้เพราะที่พักของผมในเมือง Sydney อยู่ที่สถานีนี้เอง โดยต้องเดินไปทางออก South Concourse ครับ
ที่พักของผมในครั้งนี้เป็น Hostel ที่ดังที่สุดแห่งนึงของ Sydney นั่นคือ Bounce Hotel นั่นเองคับ โดยตัวโฮสเทลอยู่ตรงข้ามกับทางออกเลยซึ่งผมเคยเขียนจดหมายมาเล่าให้คุณอ่านค่อนข้างละเอียดแล้วในตอน Review Bounce Hostel , Sydney , Australia
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จและเดินสำรวจโฮสเทลพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินเที่ยวเมือง Sydney ครับโดยแผนของผมวันนี้จะเริ่มด้วยการไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านMamakแถวๆ China Town ต่อด้วย St. Mary Cathedral / Sydney Opera House และปิดท้ายด้วยการไปทานมื้อเย็นที่ร้าน Hurricane Grill และดูพลุที่ Harbourside
การเดินเที่ยวในเมือง Sydney รอบนี้ผมเน้นเดินนะคับ โดยใช้ Google Map เป็นตัวช่วยโดยเมื่อออกจากโรงแรมก็เริ่มเลี้ยวขวาแล้วไปเลี้ยวซ้ายเดินผ่านสถานี Central Station โดยเส้นทางที่เดินนั้นจะผ่านไปทาง Thai town ด้วย
จุดหมายแรกก่อนที่จะไป China Town ผมตั้งใจไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านที่หลายคนแนะนำว่าถ้ามาSydney แล้วต้องมาทานนั่นคือร้าน Mamak ซึ่งเป็นร้านอาหาร style Malay อินเดียครับ
ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามา Sydney ทำไมต้องมาทานอาหารแขก แต่อาจจะเป็นเพราะออสเตรเลียเป็นประเทศที่เป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมประเทศหนึ่งที่มีคนจากหลากหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่ร่วมกันก็เลยมีความหลากหลายด้านอาหารด้วย
ร้าน Mamak เป็นร้านที่เป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวและคนพื้นที่ จากที่อ่านรีวิวมาทุกคนจะพูดตรงกันว่าร้านนี้จะมีคิวที่ยาวมาก แต่ในวันนั้นอาจจะเพราะผมเดินทางไปถึงช่วงบ่ายๆแล้วเลยไม่มีคิว ในก็ร้านว่างเชียว (แต่ตอนขากลับ ผมเดินผ่านร้านนี้อีกครั้ง คิวยาวมากจริงๆครับ)

ผมลองสั่งแบบเซตมาทานคับประกอบไปด้วยโรตี แกง และชาชัก ราคาก็แรงประมาณนึงทีเดียว
ส่วนรสชาติ จริงๆ ผมเป็นคนชอบทานอาหารแขก ตอนไปประเทศอินเดีย ในขณะที่คนอื่นๆทานอะไรไม่ได้ต้องควักมาม่าจากเมืองไทยขึ้นมากินกันเป็นแถว แต่ผมกลับ enjoy อาหารแขกที่นั่นมาก ในเมืองไทยเองผมก็ชอบไปทานอาหารแขกหลายๆร้าน ดังนั้นหลังจากได้ลองทานเมนูเด็ดของร้านนี้แล้วก็แบบ…มาทานให้รู้เฉยๆ คับ 555 ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย มันก็อร่อยคับ แต่ผมคิดว่ามีหลายร้านในเมืองไทยที่อร่อยกว่า สรุปสั้นๆ ไม่ได้ประทับใจมากครับ
เรื่องรสชาติเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเพราะฉะนั้นคุณต้องไปลองเองนะครับเพราะอาหารเป็นอีกสิ่งที่คุณไปเรียนรู้เวลาไปต่างประเทศ มันไม่ใช่ต้องอร่อยเหมือนที่เราเคยทาน แต่ไปลองเพื่อให้รู้ว่ารสชาติ รูปแบบอาหารในที่ต่างๆมันเป็นยังไง
จากร้าน Mamak เดินไปต่อที่ china town ไม่ไกลคับ
China town ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก เดินแป๊บเดียวก็ครบแล้ว ผมไม่รู้ว่ามีส่วนอื่นที่ยังไม่ได้เดินไปสำรวจหรือเปล่า
จาก China Town ผมก็เดินไปต่อกันที่ St. Mary Cathedralซึ่งระหว่างทางก็ต้องเดินผ่านสถานที่สำคัญเยอะเหมือนกันครับ

เดินมาอีกสักพักก็จะถึง Hyde Park ก็แสดงว่าใกล้โบสถ์แล้วครับและที่ Hyde Park นี่เองจะมีอนุสาวรีย์ Captain Cook ด้วย
Captain Cook หรือ เจมส์ คุก เป็นนักสำรวจและนักเดินเรือชาวอังกฤษ และยังเป็นนักทำแผนที่อีกด้วย เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เข้ามาสำรวจประเทศออสเตรเลีย และยึดออสเตรเลียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบเกาะฮาวายนอกจากนี้เขายังเป็นผู้คนพบเกาะอีกหลายแห่ง เช่น เกาะนิวซิแลนด์ เป็นต้น เจมส์ คุก ถูกฆ่าตายระหว่างการต่อสู้กับชนพื้นเมืองฮาวาย ที่อ่าวเกียลาคีกัว เกาะฮาวายในปี ค.ศ. 1779 – Wikipedia
จากอนุสาวรีย์ Captain Cook เดินไปไม่ไกลก็ถึงมหาวิหาร St. Mary ครับ
มหาวิหาร เซนต์ แมรี่ (St. Mary Cathedral)
สร้างขึ้นโดยการริเริ่มของ Governor Macquarie เพื่อมอบให้หลวงพ่อ Joseph Therry บาทหลวงผู้ซึ่งเข้ามาที่นิคมแห่งใหม่ของNew South Wales ในปี 1820แต่โบสถ์แห่งนี้ถูกไฟไหม้เมื่อปี 1865 โบสถ์ดั้งเดิมที่เหลืออยู่มีเพียงส่วนหนึ่งของเสาทางด้านตะวันออกของตัวโบสถ์หลังใหม่เท่านั้น
โบสถ์ที่คุณเห็นในปัจจุบันออกแบบโดย William Wardell การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1868 โบสถ์แห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง132 ปีในปี ค.ศ.1928 และมีการสร้างส่วนของอาคารที่มียอดแหลมของโบสถ์อีก 2 อาคารทางทิศใต้ ซึ่งเพิ่งจะแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ.2000 นี่เองครับ
โบสถ์แห่งนี้อยู่ติดกับ Hyde parkนอกจากด้านในที่รู้สึกได้ถึงความสงบ ประติมากรรมรูปปั้นนักบุญและกระจกสี ที่ทำให้มหาวิหารแห่งนี้ดูขลังน่าศรัทธาแล้ว ด้านหน้าโบสถ์ยังมีจัดสวนเล็กๆ รวมทั้งมีน้ำพุเป็นแนวทอดยาวที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบอยู่ตลอดเวลาด้วย
นอกจากความสวยงามแล้ว มหาวิหารเซนต์แมรี่แห่งนี้ถือเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดใน Sydney และเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในออสเตรเลียด้วยครับ
หลังจากชื่นชมความงามของโบสถ์พอสมควรแล้ว ผมก็เดินไปยังจุดหมายต่อไปคือสะพาน Harbour Bridge และ Opera House
ระหว่างก็เดินผ่านสถานที่สำคัญอีกหลายแหล่งเหมือนกัน
สักพักผมก็เดินมาถึงสะพาน Harbour Bridge และ Opera House จนได้
สะพาน Harbour Bridge
เป็นสะพานที่มีโครงสร้างผิวจราจรพาดผ่านโครงเหล็กถักรูปโค้ง ตั้งอยู่บนอ่าวซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นสะพานระนาบเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำในทศวรรษ 1930 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง และเปิดใช้ในปีค.ศ. 1932 – Wiki
ในพื้นที่ใกล้ๆกันก็จะเป็นที่ตั้งของ Opera House
Opera House
เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ยอร์น อุตซอน (Jørn Utzon) ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยเมื่อวันที่ 27มิถุนายน พ.ศ. 2550องค์การยูเนสโกได้ลงทะเบียนให้ Opera House เป็นมรดกโลก : Wiki
ในวันที่ผมเดินทางไป Opera House คนเยอะมากๆๆๆ ครับ ซึ่งก็คงเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว มองจากมุมไหนก็เลยไม่สวยเลย เพราะคนยั้วเยี้ยไปหมด
วันต่อมาผมถึงได้รู้ว่าถ้าอยากได้ภาพ Opera House ที่สวยคือต้องไปถ่ายมาจากในอ่าว Sydney หรือถ่ายจากกลางน้ำนั่นเอง ซึ่งวิธีการผมจะเขียนมาเล่าในจดหมายฉบับหน้า

จาก Opera House ผมก็นั่งรถไฟจากสถานี Circular Quay Station ที่อยู่บริเวณ Opera House ไปลงที่ town hall คับ นาทีนั้นคือขาเริ่มเดินไม่ไหวล่ะ เลยตัดสินใจใช้บริการรถไฟครับ
จากสถานี Town Hall ผมก็เดินต่อไปเพื่อไปทานมื้อเย็นและดูพลุที่ Harbour side ถ้าเดินมาถูกทางคุณจะต้องข้ามสะพานที่ IMAXครับ
Harbourside
เป็นแหล่ง Shopping และทานอาหารที่มีวิวที่ดีมากๆ เพราะอยู่ริมอ่าวเลย มีร้านอาหารดังๆที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวหลายร้าน อาทิ Pancake on the rock ที่สำคัญคือจะมีการโชว์การจุดพลุทุกๆวันเสาร์ด้วย
บริเวณใกล้ๆกันจะมี Australian Maritime Museumด้วยถ้าคุณสนใจก็วางแผนไปชมได้ครับ
Pancake on the rock หนึ่งในร้านดังของนักท่องเที่ยวในย่านนี้ ดูคิวก็พอรู้คับว่าดังขนาดไหน
แต่วันนี้ผมไม่ได้วางแผนมาทานอาหารเย็นที่ร้านนี้เพราะจากที่อ่านรีวิวต่างๆ ผมตัดสินใจไปทานมื้อเย็นที่ Hurricane Grill ครับ ร้านนี้ก็มีคิวยาวไม่แพ้กัน ดังนั้นผมจึงจองคิวมาก่อนที่ https://darlingharbour.hurricanesgrill.com.au/ โดยหลังจากที่เราจองคิวแล้วก็จะมีอีเมลล์ Booking มาให้เราเก็บไว้เป็นหลักฐานครับ…..แต่ผมแนะนำว่าในการจองคิวควรใส่เบอร์ที่คุณจะนำไปใช้ระหว่างท่องเที่ยวในออสเตรเลียด้วย เพราะจะมีทั้ง SMS และเจ้าหน้าที่จากทางร้านโทรมา confirmคิวด้วยตัวเองด้วย
เมนูดังของที่นี่คือ Steaks and ribs คับ ขอบอกชิ้นใหญ่โตเว่อวังมาก
ต้องยอมรับว่ารสชาติอร่อยจริง เนื้อนุ่มมากๆ แต่ผมทานยังไงก็ไม่หมดคับ เพราะชิ้นใหญ่มากจริงๆ ซึ่งถ้าทานไม่หมดคุณสามารถขอให้ใส่กล่องกลับบ้านได้ ทั้งหมดที่ทานวันนั้นก็โดนไป 43.5 เหรียญคับ
หลังจากอิ่มแบบสุดๆแล้วก็ได้เวลาไปดูพลุกันต่อคับ ซึ่งที่นี่จะมีการจุดพลุกันทุกคืนวันเสาร์ คุณสามารถจับจองที่นั่งตรงไหนก็ได้
ก่อนจะมีการจุดพลุก็จะมีการแสดงเรียกน้ำย่อยก่อน โดยผู้แสดงจะมาขอรับบริจาคเป็นสินน้ำใจ ถ้าถูกใจโชว์ก็ให้ได้ตามความชอบเลยครับ
การจุดพลุที่นี่ไม่ได้ใช้เวลานานมาก แต่ทุกชุดถือใหญ่โต อลังการเว่อร์วังคุ้มค่าการมาดูครับ ตอนแรกผมเข้าใจว่าน่าจะจุดกันนิดหน่อย แต่คืนนั้นจุดกันสนั่น สว่างไสวไปทั้งท้องฟ้า เพิ่มบรรยากาศให้ริมอ่าว Sydney คืนนั้นสวยงามจับตาขึ้นมาเลยครับ
หลังจากดูจุดพลุจบ ผมก็เดินทางกลับที่พักเลยครับ ถือว่าเป็นวันที่ยาวนานวันนึง แถมเดินเยอะมากๆๆๆ แต่ก็คุ้มค่าครับถือว่าเป็นการเริ่มต้นเที่ยว Sydney ด้วยตัวเองที่ดีมากๆ
จดหมายฉบับหน้าผมจะเขียนมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวของผมใน Sydneyกันต่อ คราวนี้ผมจะนำคุณออกนอกเมืองไปไกลหน่อยกับชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย นั่นคือ Bondi Beach แล้วคอยติดตามอ่านนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
One thought on “Review เที่ยวออสเตรเลีย : Brisbane – Moreton Island – Gold Coast – Sydney Part 7 : Day 5 – Sydney Day1”