ถึง…เธอ
จดหมายฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้ายแล้วที่ผมจะเขียนมาเล่าถึงการเดินทางท่องเที่ยวของผมในประเทศออสเตรเลียที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ Brisbane – Moreton Island – Gold Coast และมาปิดท้ายที่เมือง Sydney ก่อนจะบินกลับเมืองไทย
เช้าวันสุดท้ายใน Sydney และการพักที่ Review Bounce Hostel , Sydney , Australia ผมตื่นเช้ามาเข้าครัวเหมือนเดิมแต่ วันนี้มีทำอะไรจริงจังมากขึ้นจากเมื่อวานที่แค่แกะแซนวิชมาใส่จาน555 นั่นก็คือการทำมาม่าเกาหลีครับ ซึ่งวิธีทำนั้นผมใช้เตาไมโครเวฟเป็นหลักทั้งๆที่ครัวของโฮสเทลแห่งนี้มีเตาไฟแบบเชฟกระทะเหล็กให้เรียบร้อย แต่ที่ผมไม่ได้ไปใช้เตาของโฮสเทลก็เพราะผมเปิดเตาไม่เป็น ฮา
จริงๆทางโฮสเทลก็มีวิธีเปิดเตาเขียนแปะผนังไว้แหละครับ แต่บังเอิญตอนนั้นมีหนุ่มเกาหลีกำลังยืนผัดหมูผัดกิมจิด้วยท่าทางทะมัดทะแมงอย่างกะกำลังเข้าแข่ง Master Chef ผมเลยรู้สึกเขินนิดหน่อยที่จะไปเปิดเตาเพื่อแค่ต้มมาม่าประชันกับเค้า 555
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จโปรแกรมของผมวันนี้จะเริ่มต้นด้วยการไป Town Hall ครับซึ่งวันนี้ผมใช้บริการรถใต้ดินของที่นี่โดยลงไปสถานี Central ตรงข้ามโฮสเทลเลย ซึ่งจะเห็นว่าในสถานีจะมีป้ายบอกเวลาเครื่องขึ้นที่สนามบินอยู่หลายจุดเลยเพราะสถานี Central ถือเป็นสถานีหลักในการเดินทางไปสนามบินเลย
แต่วันนี้อากาศดูไม่เป็นใจเท่าไหร่เพราะมีฝนตกมาตั้งแต่เช้า ด้านนอกระเบียงดาดฟ้าของโฮสเทลฟ้าครึ้มแบบไม่มีแสงแดดเลยแม้เวลาจะเกือบ 9 โมงแล้ว
จากสถานี Central นั่งไปแค่สถานีเดียวก็ถึงสถานี Town Hall แล้วครับ พอขึ้นมามาด้านบนสถานีจากทางออก 5 ก็จะเจอตึก Queen Victoria Building อยู่ฝั่งตรงข้าม โดย Town Hall จะอยู่ด้านหลัง โดยบริเวณนี้จะมีสถานที่สำคัญ 3 จุดที่อยู่ติดๆกันและเป็นส่วนของกลุ่มอาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติออสเตรเลียได้แก่ Town Hall ,Queen Victoria Building และ โบสถ์ st. Andrew

Sydney Town Hall
ศาลาว่าการนครซิดนีย์สร้างในปี คศ 1880 บนที่ตั้งของสุสานเก่า โดยสร้างจากหินทรายในรูปแบบสถาปัตยกรรมวิกตอเรียน และมีองค์ประกอบการตกแต่งโดยมีจุดรวมที่หอนาฬิกาที่โดดเด่นที่สุดของอาคาร
ภายในอาคารประกอบด้วยห้องประชุมสภานครซิดนีย์ ห้องต้อนรับ ห้องครบรอบ 100ปี ห้องทำงานของนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภา ณ ห้องครบรอบ 100ปี มีความพิเศษอย่างหนึ่ง คือ ออร์แกนขนาดยักษ์ของศาลาว่าการนครซิดนีย์ ซึ่งเป็นออร์แกนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ใช้อากาศท่อ สร้างใน ค.ศ. 1886-1889และติดตั้งใน ค.ศ. 1990โดยก่อนที่จะมี Opera House ศาลาว่าการนครคือสถานที่แสดงคอนเสิร์ตที่สำคัญของนครซิดนีย์
ศาลาว่าการนครซิดนีย์ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติออสเตรเลีย และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มศาลาเทศบาลนครที่สำคัญและเป็นมรดกของชาติ รวมไปถึงตึกควีนวิคตอเรีย มหาวิหาร St Andrew โรงแรม Greshamและธนาคารหลังเก่าของรัฐนิวเซาท์เวลส์

วันนี้ผมไม่ได้เข้าไปชมด้านในนะครับ เดินดูเพียงแค่ด้านนอกเท่านั้นเพราะผมสนใจโบสถ์ St. Andrew ที่อยู่ข้างๆกันมากกว่า
St Andrew’s Cathedral
หรือ St Andrew’s Anglican Cathedralเป็นโบสถ์สำคัญของออสเตรเลียถูกสร้างขึ้นในปี 1837 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบGothic Revival และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1868 ถือว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย
ผมไม่แน่ใจว่าโบสถ์นี้ปกติให้คนภายนอกเข้าชมหรือไม่เพราะไม่เห็นมีจุดจำหน่ายตั๋ว แต่ผมดีผมเห็นประตูเปิดไว้เลยเดินเข้าไปและเจอกับบาทหลวงท่านหนึ่งเข้าพอดี ก็เลยขออนุญาตเดินชมซึ่งท่านก็อนุญาตให้
ด้านในโบว์นอกจากความเก่าแก่ที่ให้ทั้งความสวยงามและความขลังแล้ว ด้านในยังมีโบราณวัตถุหลานชิ้นของโบสถ์แห่งนี้จัดแสดงอยู่ด้วย (แสดงว่าปกติก็น่าจะเข้าชมได้แหละ) เดินๆรอบๆก็มีอะไรให้ดูให้ชมเยอะเหมือนกันครับ

หลังจากชมความงามของโบสถ์ St Andrew แล้วก็เดินกลับไปทาง Town Hall แล้วข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อไปชม Queen Victoria Building ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นห้างสรรพสินค้าไปแล้ว แต่ทั้งตัวตึกและด้านในยังรักษาการตกแต่งแบบเดิมไว้อย่างสวยงามมาก
Queen Victoria Building
เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยถูกสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 1893 และไปเสร็จสิ้นในปี 1898 อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์การค้า ก่อนจะถูกเปลี่ยนไปใช้งานในหลายๆวัตถุประสงค์ก่อนจะกลับมาตกแต่งใหม่เพื่อกลับมาใช้เป็นห้างสรรพสินค้าอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน
ด้านหน้าของ Queen Victoria Building จะมีอนุสาวรีย์ของ Queen Victoria ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1908 ก่อนจะขนย้ายมาจาก Ireland มาวางไว้ที่นี่โดยใกล้ๆกันนั้นยังมีรูปปั้นสุนัขทรงโปรดของ Queen Victoria ที่ชื่อ Islay ตั้งอยู่บริเวณน้ำพุแห่งความโชคดี (Wishing Well) ด้วย
ภายในห้างการตกแต่งยังมีความสวยงาม คลาสสิค และหรูหราอย่างมาก ทั้งซุ้มประตูโค้ง การแกะสลักปูนปั้น หรือพื้นโมเสกสวยๆ โดยเฉพาะนาฬิกาโบราณขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่กลางห้างถือเป้นสัญลักษณ์ที่ใครๆก็ต้องมาชมครับ

จาก Queen Victoria Building จะมีห้างติดๆกันหลายห้าง สามารถเดินชมเลยไปถึง sydney Tower ต่อด้วย Hyde Parkและ มหาวิหาร เซนต์ แมรี่ (St. Mary Cathedral)ได้
ย่านห้างสรรพสินค้าตรงนี้มีร้านรวงมากมายให้เดิน shopping เลยครับตั้งแต่ราคาธรรมดาจนถึงสินค้า Hi End
ผมเดินเรื่อยๆจนถึง Hyde park เลยเดินเข้าไปดูถึงได้เห็นว่าสามารถเดินทะลุไปถึง มหาวิหาร เซนต์ แมรี่ เลยทีเดียว โดยจุดที่เห็นตัวมหาวิหารจะมี The Archibald Fountain ซึ่งเป็นน้ำพุที่ระลึกถึงความร่วมมือของออสเตรเลียและฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตรงจุดนี้จะถ่ายภาพมหาวิหารได้สวยมากทีเดียวครับ
หลังจากเดินเที่ยวสักพักผมก็ไปรอรสบัสที่ stand J เพื่อไป Sydney Fish Market คับโดยคำว่า Stand ก็คือป้ายรถเมล์ในบ้านเราซึ่งถ้าคุณ search จาก Google Map นอกจากจะมีระบุสายรถเมล์ที่คุณจะต้องไปแล้วต้องดูด้วยนะครับว่าจะถึงไปขึ้นที่ป้ายไหนถึงจะไปถูก
โดยป้ายรถเมล์ที่นี่จะมีป้ายบอกสายรถและเวลาที่รถจะมาถึงซึ่งถึงแม้จะไม่ตรงเวลาแบบเป๊ะๆแต่ก็ถือว่าใกล้เคียงมากครับ
จริงๆ ถ้าคุณจะเดินก็ได้นะครับ จากบริเวณนี้ไปยัง Sydney Fish Marketก็ประมาณแค่ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งผมว่าสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ระยะทางแค่นี้เดินได้สบายครับ 555
Sydney Fish Market
เป็นตลาดปลาแห่งใหญ่ของซิดนีย์ที่นับว่าใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในแง่ของความหลากหลายของอาหารทะเล เป็นรองก็แค่ญี่ปุ่นเท่านั้น ตลาดปลาแห่งนี้ได้รวมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากทั้งในและต่างประเทศมาจำหน่ายกว่า 14,500 ตันต่อปี
ดังนั้นด้านในตลาดจึงมีของทะเลสดๆ วางขายแบบละลานตามาก นอกจากนั้นยังให้คุณสามารถเลือกวัตถุดิบมาปรุงเมนูสดๆ หรือจะไปร้านที่มีอาหารทะเลพร้อมทานให้เลือกเยอะมากๆๆๆๆๆ
แถมยังมีทั้งเครื่องปรุงสารพัดและซูเปอร์มาร์เกตอยู่ในนี้ด้วยเรียกว่าครบวงจรมากๆเลย
เนื่องจากวันที่ผมไป (จริงๆก็น่าจะทุกวันแหละครับ) มีทัวร์จีนมาเที่ยวเยอะแยะมากมาย ทั้งตลาดเลยถูกครอบครองด้วยทัวร์จีนไม่มีที่เหลือให้นั่งทานด้านในเลยแม้แต่ร้านเดียว
ผมก็เลยอัปเปหิตัวเอง ซื้ออาหารทะเลพร้อมทานแบบกล่องออกมาทานข้างนอกขณะที่ยังมีฝนตกปรอยๆ เรียกว่าทานกันกลางฝนเลย 55
แต่เมนูที่ผมเลือกมาส่วนใหญ่เป็นของทอด ทานไปทานมาเลยค่อนข้างเลี่ยนเหมือนกันคับ เพราะไม่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดตัดเลี่ยนแบบบ้านเรา ยังไงถ้าพูดถึง Seafood ถ้าให้ได้ทั้งความอร่อยและความแซบนี่ต้องมาทานที่เมืองไทยจริงๆ แต่วัตถุดิบถือว่าสดและมีคุณภาพมากๆคับ
หลังจากอิ่มแล้วก็ได้เวลานั่งรถไฟที่สถานี Fish Market โดยเดินไปไม่ไกลครับ ผมนั่งรถรางจากสถานนีนี้เพื่อกลับไปสถานี Central station อีกครั้งโดยระหว่างทางเพิ่มจะเห็นว่ารถรางสายนี้วิ่งผ่าน Harbourside ที่ผมไปดูพรุในคืนแรกด้วย ดังนั้นถ้าใครจะมาทั้ง2 สถานที่นี้ก็สามารถขึ้นรถรางจากต้นทางที่สถานี Central ได้นะครับ

หลังจากถึงสถานี Central แล้วผมก็เดินกลับไปโรงแรมเพื่อเอากระเป๋าที่ฝากไว้ตั้งแต่เช้ากลับมาที่สถานีอีกครั้งเพื่อเดินทางไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยถือเป็นการจบทริปออสเตรเลียแบบสมบูรณ์
ในทริปออสเตรเลียในครั้งนี้ถือว่าประทับใจมากเลยครับ เพราะผมได้ประสบการณ์ที่หลากหลายมากตั้งแต่เห็นหาดคนสร้างที่อยู่กลางเมืองในบริสเบน ได้ไปชื่นชมธรรมชาติและทำกิจกรรมสนุกๆที่ Moreton island ได้ย้อนไวกลับไปเล่นสวนสนุกที่Movie World ได้กอดกับหมีโคอาล่า และได้เห็นจิงโจ้ตัวเป็นๆแบบใกล้ชิด ก่อนจะมาสัมผัสกับ Opera House สถานที่ๆนักเดินทางต้องมาเห็นให้ได้สักครั้งในชีวิต ถือว่าเป็นทริปที่ครบรส และประทับใจมากจริงๆครับ
หวังว่าจดหมายที่ผมเขียนมาเล่าทั้งหมดนี้จะเป็นแรงบันดารใจให้คุณออกเดินทางบ้างนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
One thought on “Review เที่ยวออสเตรเลีย : Brisbane – Moreton Island – Gold Coast – Sydney Part 9 : Day 7 – Sydney 3 Finale”