ถึง…เธอ
ในช่วงที่การระบาดของ Covid-19 ยังมีความรุนแรง การเดินทางไปต่างประเทศยังมีความเสี่ยงมากๆ และไม่มีเที่ยวบินไหนเปิดให้เดินทางได้ แต่ในระหว่างนี้เราคนไทยยังโชคดีที่เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้เพราะประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลก (บางสถาบันจัดให้เราอยู่อันดับ 1 ) ในการควบคุมโรคระบาดได้ดี จนถึงวันที่ผมเขียนจดหมายถึงคุณนี้ เราไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมาแล้วถึง 72 วัน
ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะเขียนมาเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวของผมที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่เมื่อต้นปี2563 ที่ผ่านมาให้คุณอ่าน เผื่อมันอาจจะเป็น Idea ให้คุณที่อาจกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศในเวลานี้
แต่ก่อนที่ผมจะเขียนเล่าถึงเรื่องราวการท่องเที่ยวของผมในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ เป็นธรรมเนียมที่ผมจะขอเล่าถึงโรงแรมที่ผมไปพักเสียก่อนเพื่อที่ว่าในจดหมายเรื่องการท่องเที่ยวที่ผมกำลังจะเขียนนั้นจะได้ไม่ยาวจนเกินไป
สำหรับโรงแรมแรกที่ผมอยากจะเขียนรีวิวให้คุณอ่านเป็นโรงแรมที่ผมภูมิใจนำเสนอมากเนื่องจากเป็นโรงแรมที่สวยมากจริงๆ และเท่าที่ผมเดินทางมายังไม่เจอโรงแรมแบบนี้ในเมืองไทย สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปอย่างคุณ รับรองจะถูกใจแน่ๆ
โรงแรมที่ผมกำลังเขียนถึงคือ…โรงแรมThe Grand Morocco จังหวัดเชียงใหม่
จุดเด่นของโรงแรม The Grand Morocco จังหวัดเชียงใหม่คือการตกแต่งสไตล์ Moroccan ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสไตล์การตกแต่งที่ได้รับความนิยมสูงมากในระบะหลังๆ เพราะจะทำให้สถานที่มีบรรยากาศที่ดูหรูหรา สวยงาม มีรสนิยมขึ้นมาก
การตกแต่งแบบ Morrocan จะมีลวดลายที่ถือเป็นศิลปะเฉพาะของประเทศ โมร็อคโก เป็นลวดลายที่สวยงาม มีความสลับซับซ้อน มีเสน่ห์เฉพาะตัว โดยจะนำมาใช้ในหลายรูปแบบทั้งผนัง กระจก บานหน้าต่าง กรอบรูป พรม ตลอดจนหมอนอิงและผ้าบุ รวมทั้งของตกแต่งอีกมากมาย ทำให้เกิดเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนจริงๆ
โรงแรม The Grand Morocco Hotel ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 17 กิโลเมตรและห่างจากสนามบินเชียงใหม่ 20 กิโลเมตร การเดินทางที่สะดวกที่สุดน่าจะต้องใช้รถส่วนตัวครับ
ผมเดินทางไปเที่ยงที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่และเข้าพักที่โรงแรมนี้ราวๆปลายเดือนกุมภาพันธ์2563 ซึ่งในขณะนั้นโรงระบาด Covid-19 เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ในประเทศไทยเองยังไม่มีการระบาดแพร่หลาย จึงยังไม่มีมาตรการอะไรที่เข้มงวด โดยเฉพาะการเดินทาง แต่คนไทยก็เริ่มตระหนักแล้วว่าโรคนี้มีความน่ากลัวจึงงดการเดินทางท่องเที่ยวกันจำนวนมาก โดยเฉพาะจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวจีนมากๆ ดังนั้นช่วงที่ผมเดินทางไปพักที่โรงแรมนี้จึงเรียกว่าค่อนข้างเงียบเหงามีแขกไปพักน้อยมากๆ

เมื่อไปถึงโรงแรมจะมีลานจอดรถอยู่ด้านหน้า และแค่ทางเข้ากับตัวตึกที่พักก็จะเริ่มเห็นความสวยงามของศิลปะแบบ Moroccan ยิ่งเมื่อเข้าไปถึง Lobby ของโรงแรมก็จะเห็นความสวยงามของศิลปะแนวนี้แบบชัดเจน ทั้งลวดลายการตกแต่ง โดยเฉพาะสีทองอร่ามที่แทรกไปในเกือบทุกลวดลายให้ความหรูหรามากจริงๆครับ
ผมไปถึงโรงแรมนี้ตอนค่ำ เมื่อ Check in เสร็จแล้ว ผมต้องเดินไปอีกตึกหนึ่งซึ่งเป็นตึกที่พัก โดยเมื่อเข้าไปในตึกก็จะเจอสระน้ำกลางตึกที่ถือเป็น Highlight สำคับที่สุดของโรงแรมนี้
ทันทีที่เห็นต้องใช้คำว่า Stunning ครับ คือสวย สวยมาก
นอกจากสระน้ำแล้ว ระหว่างทางเดินไปห้องพักก็จะเจอการตกแต่งประดับประดาที่สวยงามที่ตลอดทาง แม้กระทั่งลิฟต์ก็สวยทั้งด้านนอกและด้านใน


รอบนี้ผมจองห้องพักแบบ 2 bedrooms suite ซึ่งปกติจะมีราคา12,000 บาทต่อคืน แต่ผมได้ราคาพิเศษ (อาจจะเพราะเป็นช่วง Covidด้วย) ในราคาไม่ถึงหมื่น
ในห้องมีการตกแต่งที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ตามแบบ Moroccanจริงๆ อย่างเช่นที่พักส่วนของห้องรับรองก็จะเป็นที่นั่งแบบติดพื้นสไตล์โมร็อคโกเลย
ภายในห้องจะมีห้องนอนใหญ่ 1 ห้องเป็นเตียงใหญ่ และ ห้องเล็กแบบเตียง Twin
นอกจากนั้นยังมีห้องครัวที่ค่อนข้างใหญ่ มี Counter ทำอาหาร เตาไฟฟ้า และเครื่องทำกาแฟ รวมทั้งตู้เย็นขนาดใหญ่เตรียมไว้ให้พร้อม เรียกว่าถ้าหิวกันดึกๆและมีวัตถุดิบก็สามารถทำอาหารทานกันในห้องได้เลย
แต่ที่ surprise ผมมากคือมีเครื่องซักผ้าและผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มเตรียมไว้ให้ด้วย
ในห้องก็มีเตารีดกับที่รองรีดเตรียมไว้ให้ด้วย เรียกว่า Facility นี่ครบมากๆเลย
ในส่วนของระเบียงจะมีโต๊ะ เก้าอี้ให้เราออกมานั่งชมบรรยากาศด้านนอกได้
ในส่วนของห้องน้ำก็สวยงามไปตามแบบ ทั้งการตกแต่งและข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะฝักบัวแบบ Rain Shower เป็นอะไรที่ผมชอบมาก
ทั้งห้องพักจะมีขนาด 60 ตารางเมตรซึ่งก็ถือใหญ่มากแล้ว แต่ด้วยดีเทลและ Function การใช้งานที่ทางโรงแรมมีให้เยอะกว่าปกติทำให้ห้องอาจจะดูไม่ได้กว้างขวางมากกนะครับ
หลังจากสำรวจห้องกันแล้ว ก็ได้เวลาออกไปสำรวจสระน้ำกันอีกรอบซึ่งให้ความรู้สวยลึกลับอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะหลังคาเปิดโล่งตรงกลางเหนือสระน้ำที่ทำให้เราเห็นท้องฟ้าไปในอีกแบบที่ให้ความรู้สึกน่าหลงใหลจริงๆ
หลังจากนอนหลับไปแบบเต็มอิ่มแบบห้องนอนมหาราชาของโมร็อคโค ผมก็ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้ากันก่อนซึ่งห้องทานอาหารจะอยู่ตึกเดียวกับ Lobby โดยจะอยู่ห้องริมขวาสุด
อย่างที่ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้าครับว่าช่วงที่ผมเข้าพักนั้นคนไทยเริ่มงดการเดินทางเพราะโรคระบาด ทำให้แขกมาพักที่นี่น้อยมาก ดังนั้นอาหารเช้าซึ่งควรจะเป็น Buffet จึงกลายเป็นอาหารชุดแทน
จริงๆ ทางโรงแรมมีไลน์อาหาร Buffet เล็กๆให้บริการไว้ด้วย เช่น ขนมปัง แฮม สลัด ผลไม้ เบเกอรี่ และจะมีข้าวต้มหรืออาหารพิเศษอื่นๆที่ต้องสั่งได้ 1 อย่างให้ด้วย
ในบรรดาความประทับใจทั้งหมดของโรงแรมแห่งนี้ผมต้องยอมรับว่าเรื่องอาหารเช้าอาจจะเป็นสิ่งที่ประทับใจผมน้อยสุด แต่ในสภาวะที่แขกที่เข้าพักลดน้อยลงอย่างมากที่กำลังเกิดขึ้น ผมคิดว่าผมรับได้ครับ
หลังจากอิ่มกันแล้ว มหกรรมถ่ายรูปก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากห้อง Lobby นั่นแหละ ซึ่งทำให้ผมเห็นว่าที่โรงแรมแห่งนี้มีบริการสำหรับแขกภายนอกที่อาจจะอยากแค่มาทานอาหาร หรือ afternoon tea ริมสะน้ำก็สามารถมาทานได้นะครับ โดยมีชุดเสื้อผ้าแบบโมร็อคโคให้บริการเช่าชุดละ 200 บาท
แต่สำหรับแขกที่พักที่นี่จะมีห้องบริการไว้ต่างหากติดกับสระน้ำเลย โดยมีเสื้อผ้าเครื่องประดับให้เลือกเยอะมาก และทั้งหมดนั้น ฟรีครับ สำหรับแขกที่เข้าพัก ถือว่าเป็นบริการเสริมที่เอาใจคนชอบถ่ายรูปจริงๆ
หลังจากถ่ายรูปบริเวณ Lobby แล้วผมก็กลับไปยังสระน้ำ ซึ่งพอเริ่มเช้าและมีแสงแดดเข้ามา จากที่เห็นว่าสวยเมื่อตอนกลางคืนหรือตอนเช้าระหว่างที่ผมกำลังลงมาทานอาหารเช้า มาตอนนี้ความสวยกลับยิ่งทบทวีคูณขึ้นไปอีกเลยครับ
โดยเฉพาะการถ่ายที่ให้ความรู้สึก Perspective ที่รายล้อมไปด้วยความสวยงามของศิลปะปะแบบMoroccan การตัดกันของสีฟ้าและสีขาว รวมทั้งการสะท้อนของตัวสถาปัตยกรรมบนผืนน้ำ ทำให้ภาพทั้งหมดสวยจริงๆ เรียกว่ากดถ่ายรูปกันไม่ยั้งเลยครับ
ผมใช้เวลาถ่ายรูปกันตรงนี้นานพอสมควร ดังนั้นถ้าคุณจะมาพักที่นี่อาจจะต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยครับ ก่อนที่จะไปเริ่มโปนแกรมอื่น
สำหรับโรงแรม The Grand Morocco จังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นโรงแรมที่ผมแนะนำเลยครับสำหรับคุณที่ชอบที่พักที่เหมาะกับการถ่ายรูปสวยๆ ถ่ายออกมาแล้วไม่ซ้ำกับคนอื่นๆ มีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ผมคิดว่าโรงแรมนี้น่าจะถูกใจคุณแน่นอนครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
2 thoughts on “Review โรงแรม The Grand Morocco, เชียงใหม่”