ถึง…เธอ
ในจดหมายฉบับนี้ ผมคงพาคุณเดินทางมาถึงวันสุดท้ายของทริปเที่ยววัด ชมดอกไม้ เชียงราย เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน กันแล้วซึ่งในวันนี้ผมจะมีเวลาเที่ยวเพียงแค่ครึ่งวันเพราะมีแผนจะเดินทางกลับกรุงเทพในตอนบ่าย
หลังจากเมื่อคืนผมมาพักค้างคืนแบบมหาราชากันที่โรงแรมที่มีสระว่ายน้ำที่สวยมากๆ อย่าง Review โรงแรม The Grand Morocco, เชียงใหม่ เช้านี้ตื่นมาผมก็รีบลงไปทานอาหารเช้ากันก่อนซึ่งห้องทานอาหารจะอยู่ตึกเดียวกับ Lobby โดยจะอยู่ห้องริมขวาสุด
ในช่วงที่ผมเข้าพักนั้นคนไทยเริ่มงดการเดินทางท่องเที่ยวเพราะโรคระบาด Covid-19 กันแล้ว ทำให้แขกมาพักที่โรงแรมน้อยมาก ดังนั้นอาหารเช้าซึ่งควรจะเป็น Buffet แบบจัดเต็มจึงกลายเป็นอาหาร Mini Buffet ที่มีแต่สลัด ผลไม้ ชากาแฟ และขนมปังปิ้งบวกขนมเล็กน้อยแทน แต่จะมีเมนูหลักเป็นข้าวต้มหรืออาหารพิเศษอื่นๆที่สั่งได้ 1 อย่างให้ด้วย
หลังจากทานมื้อเช้าอิ่มกันแล้ว มหกรรมถ่ายรูปแบบรัวชัตเตอร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเพราะเมื่อวานผมมาถึงโรงแรมตอนดึกแล้วเลยยังไม่ได้เก็บภาพสวยๆของโรงแรมไว้สักเท่าไหร่
เช้านี้พวกผมเลยเริ่มจากห้อง Lobby กันเลย ซึ่งทำให้ผมเห็นว่าที่โรงแรมแห่งนี้มีบริการสำหรับแขกภายนอกที่อาจจะอยากแค่มาทานอาหาร หรือทาน afternoon tea ริมสระน้ำก็สามารถมาทานได้นะครับ โดยมีชุดเสื้อผ้าแบบโมร็อคโคให้บริการเช่าชุดละ 200 บาทสำหรับใส่ถ่ายรูปสวยๆให้เข้าบรรยากาศแบบโมร็อคโคด้วย
แต่สำหรับแขกที่พักที่นี่จะมีห้องบริการเสื้อผ้าสำหรับใส่ถ่ายรูปไว้ต่างหากติดกับสระน้ำเลย โดยมีเสื้อผ้าเครื่องประดับให้เลือกเยอะมาก และทั้งหมดนั้น ฟรีครับ สำหรับแขกที่เข้าพัก ถือว่าเป็นบริการเสริมที่เอาใจคนชอบถ่ายรูปจริงๆ
หลังจากถ่ายรูปบริเวณ Lobby แล้วผมก็กลับไปยังสระน้ำ ซึ่งพอเริ่มเช้าและมีแสงแดดเข้ามา จากที่เห็นว่าสวยเมื่อตอนกลางคืนหรือตอนเช้าระหว่างที่ผมกำลังลงมาทานอาหารเช้า มาตอนนี้ความสวยกลับยิ่งทบทวีคูณขึ้นไปอีกเลยครับ
โดยเฉพาะการถ่ายภาพที่ให้เห็นถึงมุม Perspective ของสระว่ายน้ำที่รายล้อมไปด้วยความสวยงามของศิลปะปะแบบ Moroccanการตัดกันของสีฟ้าและสีขาว รวมทั้งการสะท้อนของตัวสถาปัตยกรรมบนผืนน้ำ ทำให้ภาพทั้งหมดสวยจริงๆ เรียกว่ากดถ่ายรูปกันไม่ยั้งเลยครับ
ผมใช้เวลาถ่ายภาพตรงนี้นานพอสมควรจนเห็นว่าชักจะเริ่มสายกันแล้วเลยรีบcheck out และไปยังจุดหมายต่อไปซึ่งเป็นสวนดอกไม้ ซึ่งควรจะไปในช่วงที่มีแดดเช้าเพราะจะถ่ายรูปได้สวยกว่าปกติ
I love flower Farm
เป็นทุ่งดอกไม้ละลานตาขนาด 8 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่เชียงใหม่ สวนดอกไม้ของที่นี่มีดอกไม้นานาชนิดซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนกันในแต่ละช่วง เช่น ดอกคัตเตอร์ขาว ลาเวนเดอร์ หรือดอกมาร์กาเร็ต
ถ้าคุณสนใจจะไปถ่ายรูปสวยๆที่ I love flower farm จะต้องจองคิวเข้าชมล่วงหน้าก่อนนะครับที่ https://www.facebook.com/I-Love-Flower-Farm-267775026710971/ เนื่องจากจะมีการจำกัดคนในแต่ละรอบไม่ให้เยอะเกิน จนทำให้ถ่ายรูปออกมาไม่สวย หรือบางทีไปทำลายแปลงดอกไม้ด้วย สวนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมปีละครั้งเท่านั้น ส่วนค่าเข้าก็ไม่แพงเลยเพียงแค่ 70 บาท
การเดินทางไปชมสวนต้องขับรถไปจอดยังลานจอดรถใกล้ๆ ก่อน ซึ่งจะมีป้ายค่อนข้างใหญ่เห็นชัดเจน
จากนั้นก็จะต้องนั่งรถเล็กๆ ไปอีกต่อ โดยจ่ายค่าโดยสาร 20 บาท
เมื่อไปถึง I love Flower Farm ก็แจ้งชื่อที่เราจองไว้ แล้วจ่ายตังค์ค่าเข้า 70 บาท ก็จะได้ Welcome set 1 ชุด เป็นน้ำสมุนไพร หรือ น้ำผลไม้ และขนมพื้นบ้าน 1 อย่าง ซึ่งเมนูจะไม่ซ้ำกันในแต่ละวันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในแต่ละฤดูกาล โดย Welcome set นี้เราจะรับก่อนไปถ่ายรูปหรือมารับทีหลังก็ได้ครับ
วันที่ผมไปต้องยอมรับว่าดอกไม้บางส่วนก็มีเริ่มเหี่ยวๆไปแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยังมีอีกหลายแปลงที่เพิ่งปลูกทดแทนขึ้นมา เข้าไปถ่ายรูปแล้วสวยเพลินตามากครับ
เสร็จจากการถ่ายรูปดอกไม้กันแล้ว ผมก็เดินทางไปที่เที่ยวสุดท้ายในทริปนี้
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามมากๆ และมีอะไรน่าสนใจเยอะเหมือนกัน
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เดิมชื่อ สวนพฤกษศาสตร์แม่สา เป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทยที่มีการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล และมีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาวิจัยและให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์โดยเฉพาะ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติของที่นี่จะมี 4 เส้นทางด้วยกัน คือ
- เส้นทางสวนรุกชาติ จะเป็นเส้นทางที่ผ่านแปลงรวมพันธุ์กล้วย บอน เฟิน ปาล์ม ขิงข่า สน และปรง
- เส้นทางพันธุ์ไม้ไทยและพืชสมุนไพร จะเป็นเส้นทางที่รวบรวมพรรณไม้ไทยไว้มากกว่า 1,000 ชนิด
- เส้นทางวลัยชาติ ที่มีชาติหรือไม้เลื้อยเป็นพรรณไม้ที่ต้องอาศัยยึดเกาะต้นไม้อื่นๆ โดยเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางเดินขึ้นเขาเลย
- เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย
เนื่องจากเวลามีจำกัด ผมจึงเน้นไปที่ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ การเดินชมธรรมชาติบนสะพานลอยฟ้า ที่สูงกว่า 20 เมตร เป็นการเดินเที่ยวชมธรรมชาติในป่าดิบแล้งรวมทั้งป่ามรสุมเขตร้อน ที่ยาวถึง 400 เมตรครับ
เมื่อเที่ยวกันจนหมดเวลาแล้ว ผมก็ตีรถเข้าเมืองเพื่อไปทานมื้อเที่ยงและเดินทางไปสนามบิน ซึ่งเมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้วก็ต้องไปลองทานเจ้าดังที่มีสาขา originalอยู่ที่นี่
ร้านโอ้กะจู๋
เป็นร้านอาหารที่เน้นเมนูสเต๊กและผักออแกนิคที่ขึ้นชื่อมากว่าใน 1 จานที่เสริฟมานั้นจะมีผักเยอะมากๆๆๆๆๆๆ รวมทั้งผักนั้นก็เป็นผักออแกนิคที่อร่อยจนแม้แต่คนไม่กินผักยังติดใจ
วันนี้เพื่อความสะดวกผมเลยมาทานที่สาขา 2 ที่ Nim City บริเวณแยกสนามบิน เพื่อประหยัดเวลาและจะได้เดินทางไปสนามบินได้สะดวก
บรรยากาศของร้านที่สาขานี้ดูดีเลยครับ มีคนมารอคิวทานเยอะพอสมควร
ส่วนเรื่องอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทานอาหารของร้านนี้ ต้องยอมรับว่าอร่อยจริงครับ ไม่ได้มีดีแค่ผักที่สดและปลอดภัย แถมให้ผักมาเยอะมากจริงๆเหมือนที่มีคนเคยบอกไว้เลย
ต้องขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าขนาดของจานค่อนข้างใหญ่ ปริมาณอาหารก็เยอะ เพราะฉะนั้นก่อนสั่งต้องประเมินความสามารถในการทานให้ดีครับ
หลังจากอิ่มกันแล้วก็ได้เวลาไปสนามบินและเดินทางกลับกรุงเทพ เป็นอันจบทริป 3 วัน 2 คืนของการเที่ยวชมดอกไม้ ไหว้พระทั้งเชียงรายและเชียงใหม่ได้อย่างประทับใจ
ครั้งหน้าผมจะมีที่เที่ยวที่ไหนเด็ดๆ เขียนมาเล่าให้คุณอ่านอีกก็รอติดตามกันนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
Food Lover and Traveler 