Review ทริปพัทยา เกาะล้าน 3 วัน 2 คืน

ถึง…เธอ

ก่อนหน้าร้อนจะผ่านพ้นไป ผมอยากรีบนำทริปที่ผมได้ไปเที่ยวพัทยา และเกาะล้านมาเขียนเล่าให้คุณอ่าน เผื่อคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวทะเลก่อนหน้าร้อนจะหมดไป

การเที่ยวพัทยา เกาะล้าน เป็นการเที่ยวทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพแบบสุด ๆ โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แถมเกาะล้านยังมีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด น้ำใสมากแบบไม่เชื่อว่าเราจะมีทะเลคุณภาพใกล้กรุงเทพมากขนาดนี้ 

การเดินทางไปเกาะล้าน จะต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย ที่พัทยาใต้ ดังนั้นในวันแรกของการเดินทางซึ่งไปถึงพัทยาใกล้ๆ เที่ยง พวกผมจึงไปแวะหาอะไรทานกันที่ Terminal21พัทยากันก่อน หลังจากเดินเลือกร้านกันสักพัก พวกเราก็สรุปกันว่าจะทานอาหารอินเดียกันที่ร้าน Chutney ซึ่งมีสาขาทั้งที่กรุงเทพ และพัทยา 

โดบปกติผมเป็นชอบทานอาหารอินเดียอยู่แล้ว ต้องบอกว่าร้านนี้รสชาติอร่อยทุกอย่างเลยครับ แนะนำเลย แถมการบริการของพนักงานก็ดีมากๆ เชฟถึงกับออกมาสอบถามรสชาติอาหารด้วยตัวเองด้วย ประทับใจมากครับ

อิ่มกันแล้วพวกผมก็ขับรถไปที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย

ที่ท่าเรืออจะมีลานจอดรถฟรี แต่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด หากต้องการได้ที่จอดจริงๆ อาจต้องมาตั้งแต่เช้าตรู่

หรืออีกทางเลือกคือบริเวณท่าเรือมีที่รับฝากรถ เมื่อไปถึงบริเวณด้านหน้าจะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามว่าจะมาจอดแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืน ซึ่งถ้าจอดค้างคืนก็จะมีเรตราคา 250 บาท ส่วนถ้าเป็นแบบไปเช้าเย็นกลับจะคิดชั่วโมงละ 30 บาท  ส่วนรถจักรยานยนต์สามารถจอดได้ฟรี

ถ้าจอดค้างคืน เจ้าหน้าที่จะให้เราเอาสิ่งของมีค่าออกจากรถให้หมด ก่อนจะนำรถไปจอดในช่องสำหรับนำขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถอัตโนมัติ ดังนั้นเราจึงสามารถนำกุญแจรถกลับมาไว้กับตัวได้เลย และเจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบฝากรถไว้ สำหรับมาใช้เป็นหลักฐานในวันรับรถกลับด้วย 

หลังจากฝากรถเรียบร้อยแล้ว คุณก็แค่ข้ามถนนไปท่าเรือได้เลย  แต่….

ระหว่างนั้นก็มีคนมาเสนอบริการ speed Boat ไปเกาะล้าน โดยบอกว่ายังขาดอีกแค่ 3คนก็จะออกเลยซึ่งก็เท่ากับกลุ่มพวกผมพอดี หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว แม้ราคาจะ 150 บาทต่อคน แต่เมื่อเทียบเวลาไปเกาะที่เหลือแค่ 15-20นาที แถมไม่ต้องรอรอบเรือปกติด้วย นอกจากนั้นปกติถ้าเหมา Speed Boat ไปเองก็พันกว่าบาทแน่ๆ พวกผมเลยตกลง

ส่วนเรือโดยสารไปเกาะบ้านปกติ จะเป็นเรือ 2 ชั้น มี ค่าโดยสารเรือแค่คนละ 30 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีถึงที่จุดจอดท่าเรือซึ่งมีให้เลือก2 จุดคือท่าเรือหน้าบ้านซึ่งเป็นท่าเรือหลักประจำเกาะล้าน หรือ ท่าเรือหาดตาแหวน โดยมีเวลาเดินเรือดังนี้

ตารางเวลาเดินเรือจากแหลมบาลีฮาย พัทยา- เกาะล้าน ท่าเรือหน้าบ้าน

           เที่ยวไป 7.00 น. , 10.00 น. , 12.00 น. ,14.00 น. , 15.30 น. , 17.00 น. ,18.30 น.

           เที่ยวกลับ 6.30 น. , 7.30 น. , 9.30 น. ,12.00 น. , 14.00 น. , 17.00 น. ,18.00 น.

ตารางเวลาเดินเรือจากแหลมบาลีฮาย พัทยา – เกาะล้าน ท่าเรือหาดตาแหวน

เที่ยวไป 8.00 น. , 9.00 น. ,11.00 น. , 13.00 น.

เที่ยวกลับ 13.00 น. , 14.00 น. ,15.00 น. , 16.00 น.

การนั่ง Speed Boat ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงท่าเรือหน้าบ้าน เมื่อไปถึงก็สามารถโทรแจ้งโรงแรมให้มารับได้เลยครับ ซึ่งโรงแรมจะแจ้งจุดนัดพบ ซึ่งระหว่างทางไปจุดนัดพบจะเดินผ่านร้านค้า ร้านของที่ระลึก รวมทั้ง 7-11 ด้วย ถ้าขาดเหลืออะไรก็สามารถซื้อได้

จากท่าเรือเรานั่งรถขึ้นเขา แล้วก็ลงมายังทะเลอีกครั้ง ถือว่าไกลจากท่าเรือหลักพอสมควรก็มาถึง Xanadu Beach Resortซึ่งตั้งอยู่บนหาดแสม ซึ่งต้องเรียกว่าอยู่ติดชายหาด ติดทะเลจริงๆ แค่ก้าวเท้าจากรีสอร์ทออกไปก็เจอหาดทรายแล้ว ไม่จกตาแน่นอนครับ 

บริเวณด้านหน้าจะเป็นบริเวณ Lobby และร้านอาการซึ่งเราสามารถฝากท้องไว้ที่นี่ได้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าร้านอาหารที่นี่บรรยากาศดีมาก เพราะอยู่ติดชายหาดเลย

ส่วนของที่พักจะต้องเดินเข้าไปด้านไหน เป็นลักษณะตึกหลายชั้น ซึ่งส่วนของผมอยู่ชั้นล่างเลย แต่แม้จะอยู่ชั้นล่างก็ไม่ได้ติดพื้นดินเสียทีเดียว ทำให้ได้วิวที่ดีขึ้นมากเลย

ในห้องก็เป็นลักษณะแนวยาว ของผมเป็นห้อง 3 เตียง  ห้องน้ำ และสิ่งอำนวนความสะดวกต่างๆถือว่าได้มาตรฐานครับ

ผมเคยเขียนมาเล่าให้คุณอ่านอย่างละเอียดแล้วถึง Review Xanadu Beach Resort เกาะล้าน รีสอร์ทติดหาด ติดทะเล วิวดีที่สุด ลองกลับไปอ่านฉบับเต็มได้นะครับ

หลังจากเก็บข้าวของกันแล้ว พวกผมก็กะจะไปเล่นน้ำทะเลกัน แต่เมื่อไปถึงก็เห็นว่าน้ำทะเลหนุนขึ้นมาเกือบติดรีสอร์ทเลย แต่ลองเดินลงไปน้ำก็เจอแต่ก้อนหินกับกรวด จนผมแอบผิดหวังไปเลย เพราะถ้าแบบนี้ไม่น่าจะเล่นน้ำได้ เพราะทั้งหินทั้งกรวดคงบาดเท้าแน่ๆ  

จริงๆแล้ว โซนก้อนหินเป็นแค่โซนเล็กๆ ซึ่งจะเห็นตอนน้ำลงตอนเช้า. บริเวณหน้ารีสอร์ทจะกลายเป็นหาดทรายขาวกว้างมากๆๆๆๆ 

แต่เนื่องจากวันนั้นเราเจอแต่หิน จึงลองเดินไปตามชายหาดไปบริเวณอื่นๆเพื่อจะมีที่เล่นน้ำได้ แต่ปรากฎว่าน้ำทะเลไม่ค่อยสะอาดเพราะมีฟอง และขยะลอยมาตามน้ำ เกือบทุกจุด พวกผมเลยตัดสินใจเลิกเล่นน้ำกัน แล้วกลับไปนอนเล่นในห้องกันแทน

ตอนเย็นน้ำจะขึ้นจนท่วมหิน ซึ่งมีไม่เยอะ

ส่วนมื้อเย็นวันนั้น เนื่องจากเพื่อนๆ บ่นกันว่าอยากกินหมูกระทะ เราเลยโทรเรียกรถ 2 แถวมารับ 

การเดินทางในเกาะแห่งนี้คงต้องเรียกใช้รถสองแถวเป็นหลัก หรือไม่ก็ต้องเช่ามอเตอร์ไซส์ขับ ซึ่งตอนแรกๆ ผมก็มองวิธีนี้ไว้ แต่ในระหว่างทางมารีสอร์ทหลังจากเห็นเส้นทางขึ้นเขา ลงห้วย แถมมีหลายเลี้ยว หลายโค้งอันตรายแล้ว พวกผมเลยถอดใจมาใช้รถ 2 แถวแทน

ผมบอกให้คนขับช่วยพาไปร้านหมูกระทะอร่อยๆ ซึ่งคนขับก็พามาร้าน ทะเลไทย บุฟเฟย์ทะเลเผา ซึ่งเป็นร้านบุปเฟย์หมูกระทะราคา 199 บาทเท่านั้น

จากที่เห็นหน้าร้านมีรถมาจอดเต็มจนไม่มีที่จอด แถมในร้านก็คนเต็ม ก็คงเดาได้ว่าน่าจะอร่อยแน่ 

อาหารวัตถุดิบในการปิ้งย่างของร้านนี้ก็มีเยอะมากเลย ทั้งหมู ไก่ อาหารทะเล  แถมให้มาทั้งเตาย่างอาหารทะเล และเตาหมูกระทะ 

ส่วนรสชาติก็อร่อยดีทีเดียวครับ พวกผมจัดกันจนเต็มที่เลย

หลังจากอิ่มกันแล้ว พวกผมก็กลับมาดื่มอะไรเบาๆ กันหน่อย ก่อนนอน แล้วก็เข้านอนไปแบบแฮปปี้สุด ๆ 

ตัดมาตอนเช้า หลังจากพวกผมตื่นกันแล้วก็ลองกลับไปชายหาดใหม่ กะว่าถ้าเล่นน้ำไม่ได้ อาจจะลองแค่แช่น้ำกันเฉยๆ ไหนๆ ก็มาทะเลกันทั้งทีแล้ว

แต่พอไปถึงชายหาดกลับผิดคาดมากๆ เพราะน้ำทะเลที่หนุนขึ้นมาเกือบถึงรีสอร์ทเมื่อวาน ได้ลดระดับลงไปมาก จนเกิดหาดทรายขาว เนียนละเอียด กว้างมากๆ จนทำให้เห็นว่าโขดหินที่เราเจอเมื่อวานเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น

บริเวณหน้ารีสอร์ทยังมีโป๊ะลอยน้ำให้สามารถขึ้นไปเดินเล่น ถ่ายรูปกันด้วย 

ที่สำคัญต้องบอกว่าน้ำทะเลบริเวณนี้สวยใสมากๆๆๆ น่าเล่นน้ำสุดๆ 

และที่ผมชอบอีกอย่างบริเวณหน้ารีสอร์ท น้ำไม่ลึกเลย ขนาดเดินออกไปไกลมากๆ แล้วน้ำก็อยู่แค่อกเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่ว่ายน้ำไม่เป็น ว่ายน้ำไม่แข็ง ไม่ต้องกลัวเลยครับ รับรองปลอดภัย เพราะส่วนน้ำตื้นกินพื้นที่กว้างมากๆ

หลังจากเล่นน้ำกันจนเหนื่อยแล้ว พวกผมก็ขึ้นมาทานมื้อเช้า ซึ่งถ้าแขกมาพักไม่เยอะ ทางรีสอร์ทจะจัดเป็นชุดอาหารเช้าให้ โดยสามารถเลือกข้าวต้ม หรือ American Breakfast และยังมีขนมชากาแฟมาแบบเซต afternoon Tea แถมด้วยผลไม้ ซึ่งเว่อวังอลังการมากเลยครับ   ถูกใจผมสุดๆ

กินมื้อเช้าไป ชมวิวทะเลไป เจริญอาหารดีมาก

ส่วนมื้ออื่นๆ คุณสามารถฝากท้องไว้กับร้านอาหารของรีสอร์ท หรือ ร้านอาหารใกล้ๆ ได้ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ติดทะเลเช่นกัน โดยวันที่สองผมก็เลือกทานร้านริมหาดใกล้ๆ รีสอร์ทเช่นกัน

การมาเที่ยวทะเลรอบนี้คือการมาพักผ่อนจริงๆ เลยตั้งใจกันว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่นอนดูวิว เล่นน้ำกันในรีสอร์ทกันแค่นั้น 

รวมทั้งที่รีสอร์ทยังมีบริการนวดไทยด้วย โดยมีห้องนวดในรีสอร์ทเลย เรียกว่าเป็นการได้พักผ่อนกันจริงๆ

ใครไม่อยากนวดจะไปเดินริมหาด หรือนอนเตียงผ้าใบฟังเสียงคลื่นก็ได้ รับรอง Happy สุดๆ

ส่วนมื้อเย็นพวกผมก็ฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารที่รีสอร์ทเลย ซึ่งทุกคืนวันเสาร์ที่รีสอร์ทยังมีการโชว์เล่นไฟให้ดูตอนกลางคืนด้วย   ตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ

ส่วนวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในทริปนี้ พวกผมก็ตื่นมาเล่นน้ำกันอีกครั้ง เพราะน้ำที่นี่ใส น่าเล่นจริงๆ 

ในส่วนของมื้อเช้าวันสุดท้าย อย่างที่ผมเกริ่นไว้ว่าถ้าแขกไม่เยอะ มื้อเช้าของที่นี่จะเสริฟเป็นอาหารชุด แต่ถ้าแขกเยอะจะมีการจัดบุปเฟ่ย์ให้ซึ่งมีอาหารให้เลือกทานค่อนข้างเยอะ หลากหลายเลยครับ รสชาติก็ไม่เลวเลยทีเดียว

และผมชอบมากๆที่รีสอร์ทออกแบบให้ร้านอาหารเป็นแนวยาว ขนานไปกับทะเล ทำให้เป็นการทานอาหารเช้าที่วิวดีมากๆ

หลังจากอิ่มกันแล้ว ด้านข้างรีสอร์ท มีทางเดินไปริมเขา ที่มีการสะพานเป็นทางเดินไม้ ให้คุณไปเดินเล่นชมวิวกันได้ด้วย 

หลังจากชมวิวกันเรียบร้อยแล้ว พวกผมกลับไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วกลับออกมาCheck out เพื่อกลับไปพัทยา

ทางโรงแรมจะมีรถสองแถวไปส่งที่ท่าเรือเหมือนตอนขามา

เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์มีคนมาเที่ยวเยอะมาก ขากลับคนเลยค่อนข้างแน่นเลยทีเดียว

เมื่อถึงพัทยา ผมก็กลับไปอาคารจอดรถ แล้วเดินอ้อมไปอีกด้าน จะมีห้องที่เป็นจุดจ่ายเงินเพื่อรอรับรถ

ไปถึงก็ต้องกดบัตรคิวและรอคิวครับ พอถึงคิวก็จ่ายเงินค่าจอด จากนั้นก็นั่งรอ. 

พอรถของเราเลื่อนลงมาแล้ว จะมีประกาศเรียกชื่อ และช่องที่สามารถรับรถได้ 

อาคารจอดรถนี้เป็นอาคารอัตโนมัติ รถของผมก็ถูกเลื่อนมาจอดข้างล่างอัตโนมัติ ผมก็แค่เอากุญแจที่อยู่กับตัวกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปได้เลย

เนื่องจากตอนผมกลับมาก็เลยเวลาเที่ยงแล้ว จึงตัดสินใจหาร้านอร่อยๆในพัทยาทานกัน ซึ่งเพื่อนผมแนะนำร้านอาหารร้านญี่ปุ่นร้านนึงในพัทยา ที่ได้ข่าวว่าทั้งสถานที่และอาหารราวกับเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมที่ทองหล่อ

 ร้านนี้มีชื่อว่า Ronin Japanese restaurantซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม ที่เจ้าของมีความตั้งใจแต่แรกที่อยากจะให้ร้านนี้เป็นมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในพัทยาหรือแม้กระทั่งภาคตะวันออกเลยทีเดียว  ดังนั้นร้านนี้จึงเน้นคุณภาพของวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำและรสชาติเป็นพิเศษ 

เมื่อเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่คุณจะรับรู้ได้เลยคือบรรยากาศการตกแต่งที่เหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ที่พัทยาจริงๆ

ส่วนภายในร้านก็ตกเต่งเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดทำด้วยไม้สีธรรมชาติ ทำให้รู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และเย็นสบาย นอกจากนั้นยังมี Counter Bar สำหรับคนที่ชอบทานซูชิ และอยากเห็นขั้นตอนกับทำแบบใกล้ชิด

วันนั้นผมได้ลองเมนูเด่นๆของร้านหลายเมนู อาทิ สลัดปลาเงิน,บะหมี่เย็น Tempura Charcoal รวมทั้งข้าวปั้นปลาแซลมอน และข้าวหน้าหมูทอดทงคตสึ 

ผมเคยเขียนมาเล่าถึงร้านนี้ไว้แบบละเอียดแล้ว ลองกลับไปอ่านได้ครับที่ รีวิว ร้าน Ronin ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม ใจกลางเมืองพัทยา

หลังจากอิ่มอาหารคาวกันแล้ว พวกผมยังเว้นที่ว่างในท้องไว้นิดหน่อย 555 สำหรับร้านคาเฟ่และขนมชื่อดังที่ถ้าใครมาพัทยาแล้วไม่ควรพลาด และอยู่ใกล้ร้าน Ronin Japanese restaurantมากๆ 

ร้าน La Baguette (ลา บาแกตต์) เป็น ร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเปิดมานานกว่า 17 ปี มีสาขาทั้งที่พัทยา นาเกลือ และเขาพระตำหนัก รวมทั้งที่กรุงเทพที่ห้างเอ็ม ควอเทียร์ สุขุมวิท

ตัวร้านจะอยู่ติดถนน ด้านหน้าโรงแรม Wood Land สามารถจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าโรงแรมได้เลย มีที่จอดรถกว้างขวาง เมื่อเข้าไปด้านในจะทั้งโซนของฝาก ไอศกรีม และขนม เบเกอร์รี่มากมายให้เลือก

วันนั้นผมได้ลองชากุหลาบ และวาฟเฟิล รสชาติอร่อยเลยครับ  แถมได้ลองชาเขียวปั่นดื่มไประหว่างขับรถกลับกรุงเทพด้วย

ทริปพัทยา เกาะล้านคราวนี้ถือว่าคอมพลีท ทั้งได้เห็นทะเล หวาดทรายสวย น้ำใส ได้เล่นน้ำ ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม แถมได้แวะทานร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารอินเดีย และร้านขนมอร่อย ที่สำคัญเป็นการเดินทางที่ไม่เหนื่อยเลยเพราะใกล้กรุงเทพมากๆ

ถ้ามีโอกาสผมก็อยากให้คุณได้ลองไปมีประสบการณ์ชิลๆ ใกล้ๆกรุงเทพแบบนี้บ้างนะครับ

อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน

รักและคิดถึง

Mgastronome

Fanpage : meatandtravel

IG : mgastronome_eat

      Mgastronome_travel

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s