ถึง…เธอ
อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส เป็นกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป เป็นกลุ่มประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเมื่อต้องการเดินทางมายุโรป เพราะไปเพียงแค่ 1 ทริปก็จะได้ครบทั้ง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ ศิลปะ การ shopping รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ค่าใช้จ่ายก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่ถูกมากๆ ไปจนแพงแบบสุดๆ เพราะทั้งสายการบิน ที่พัก และอาหารมีหลายระดับให้เลือก แต่ผมคิดว่าเพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่ยากลำบากเกินไปนัก ทั้งการกินการอยู่ควรจะมีอย่างน้อยๆ 40,000 ขึ้นไปเมื่อรวมทุกอย่างแล้ว รวมทั้งถ้าจะไปบริษัททัวร์เองราคา 40,000 – 50,000 ก็ยังพอหาได้แบบบริการไม่แย่นัก
ในจดหมายฉบับนี้ผมขอเล่าข้อมูลเบื้องต้นของการท่องเที่ยวในประเทศ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส โดยก่อนจะเขียนเล่าถึงแต่ละประเทศ ผมขอเล่าถึงกลุ่มสหภาพยุโรปก่อน เพราะคุณอาจต้องเข้าใจในกลุ่มประเทศนี้ก่อนจะเดินทางไปเที่ยว
สหภาพยุโรป (The European Union – EU)
เป็นการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคยุโรปทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในลักษณะสถาบันแบบเหนือรัฐ ปัจจุบัน EU มีประเทศสมาชิกจำนวน 28 ประเทศ มีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
เป้าหมายสูงสุดของการรวมกลุ่มมีขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยประเทศสมาชิกจะใช้กฎระเบียบต่างๆ ร่วมกันเปรียบเสมือนเป็น 1 ประเทศ
กฎระเบียบที่สหภาพยุโรปใช้ร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวโดยตรง อาทิ การใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน (มี17 ประเทศ ซึ่งประเทศใหญ่ๆก็เข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรทั้งหมด ยกเว้น สวิสเซอร์แลนด์) รวมทั้งเรื่องการขอ Visa ที่สามารถขอ Visa เพียงครั้งเดียวเป็น Visa ของสหภาพยุโรปที่เรียกว่า Visa Schengen (เชงเก้น) ก็สามารถเข้าได้ทุกประเทศในยุโรป (เดี๋ยวผมจะเขียนมาเล่าเฉพาะการขอ VISA ในจดหมายฉบับหน้า)
ดังนั้นเมื่อจะไปเที่ยวยุโรป นักท่องเที่ยวก็จะค่อนข้างได้รับความสะดวกเนื่องจากสามารถทำเรื่องต่างๆได้เพียงครั้งเดียวและนำไปใช้กับทุกประเทศ
ประเทศอิตาลี
ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต และมีเกาะใหญ่ 2 เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย

อิตาลีมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานและมั่งคั่งไปด้วยอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติศาสตร์ของจักวรรดิโรมัน ที่มีอิทธิพลครอบคลุมหลายๆประเทศทั้งในเอเชียและยุโรปมานานหลายศตวรรษ เป็นประเทศที่ก่อกำเนิดศิลปินและนักปราชญ์ระดับตำนานของโลกมากมาย เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) และไมเคิลแองเจโล (Michelangelo
นอกจากนั้นอิตาลียังยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน (Vatican City) ที่ตั้งอยู่ในกรุงโรมซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย
ภาษาท้องถิ่น : ภาษาอิตาเลียน แต่ก็มีการใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษารอง ส่วนภาษาอังกฤษอาจจะมีใช้ได้บ้างในแหล่งท่องเที่ยว
ศาสนา : กว่า 85% นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
สกุลเงิน : ยูโร (EUR)
กระแสไฟฟ้า : 220V
ภูมิศาสตร์ของอิตาลี
ทิศเหนือ : จรดสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย
ทิศใต้ : จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลไอโอเนียน
ทิศตะวันตก : จรดฝรั่งเศส และทะเลไทเรเนียน
ทิศตะวันออก : จรดทะเลอาเดรียติก และอยู่ตรงข้ามกับสโลเวเนียโครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร และแอลเบเนีย
ภูมิอากาศของอิตาลี
ฤดูกาลในอิตาลีมี 4 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายน-มิถุนายน เป็นฤดูที่แนะนำที่สุด เพราะอากาศกำลังสบาย ทางตอนเหนือไม่หนาวและทางใต้ไม่ร้อนจนเกินไป
ช่วงฤดูร้อน เดือนกรกฎาคม-กันยายน ก็ยังเหมาะกับการท่องเที่ยว แม้อากาศจะร้อนแต่ไม่ค่อยเจอฝน ท้องฟ้าโปร่ง แต่ก็เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะจากยุโรปด้วยกัน
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เดือนตุลาคม-ธันวาคม เดือนนี้จะเริ่มมีฝน และเริ่มหนาว ทำให้เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยว
ช่วงฤดูหนาว เดือนมกราคม-มีนาคม
เวลา
เวลาในยุโรปจะมีความแปลกตรงที่จะมีการปรับช่วงเวลาให้เร็วขึ้นหรือช้าลง1ชั่วโมง ดังนั้นแต่ละช่วงเดือนเวลาที่เทียบกับไทยอาจแต่งต่างกัน โดยเวลาของอิตาลีสามารถแบ่งได้ดังนี้
GMT+1เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 6ชั่วโมง (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ )
GMT+2 เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ( มีนาคม – ตุลาคม)
เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
กรุงโรม (Rome)
โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตก และในอดีตได้เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี ปัจจุบันได้เป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ ค.ศ. 1870
นอกจากนี้โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย
โคลอสเซียม (Colloseum)
สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม โดยได้รับเลือกให้เป็น 1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

พระราชวังวาติกัน (Vatican Palace)
เป็นศูนย์กลางการปกครองของศาสนาคริสต์เเละยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตปาปาประมุขฝ่ายศาสนาคริสต์

น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain)
น้ำพุที่สวยงามอยู่ใจกลางกรุง สวยงามด้วยงานด้านศิลปะยุคโบราณ ว่ากันว่าหากใครที่ได้โยนเหรียญลงไปในน้ำ ผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนโรมอีกในสักวัน

มิลาน (Milan)
เป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศ มีชื่อเสียงในด้านแฟชันและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชันในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และโรม

มหาวิหารแห่งมิลาน Milan Cathedral
หอเอนปิซา (Pisa Leaning Tower)
หอเอนปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิชา ประเทศอิตาลี ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 176 ปี หลังจากเมื่อสร้างเสร้จแล้ว ฐานได้ทรุดไปข้างหนึ่ง เมื่อวัดดูปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานแต่ก็ยังไม่ล้ม ยังคงเอียงอยู่เช่นทุกวันนี้

ฟลอเรนซ์ (Florence)
ฟลอเรนซ์ เป็นเมืองหลวงของแคว้นตอสกานา ในยุคกลางเมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและทางการเงิน และถือกันว่าเป็น ที่เกิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในยุโรป จนปัจจุบันใจกลางเมืองเก่าของฟีเรนเซได้รับเลือกโดย องค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เวนิส (Venice)
เวนิส เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก เป็นเมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน

สวิตเซอร์แลนด์
เป็นประเทศที่มีทั้งความสวยงามและโรแมนติกและมีสมญานาม“หลังคาแห่งทวีปยุโรป”เพราะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นเมืองในฝันของใครต่อใครโดยเฉพาะแห่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่ขึ้นชื่อมากๆ

ลักษณะภูมิประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในใจกลางทวีปยุโรปบนเทือกเขาแอลป์ ไม่มีทางออกสู่ทะเล โดยมีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศออสเตรีย ประเทศอิตาลี และประเทศลิกเตนสไตน์
ประชากรและวัฒนธรรม
ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวสวิสเยอรมัน , สวิสฝรั่งเศส ,สวิสอิตาเลียน ส่วนภาษาทางการในประเทศสวิตเซอแลนด์ คือเยอรมัน , อิตาลี ,ฝรั่งเศส ,โรมานซ์ และอังกฤษ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่รวบรวมเอาวัฒนธรรม ของประเทศเพื่อนบ้านไว้หลากหลาย ทำให้ได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีในเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารสวิตเซอร์แลนด์ ที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่ยอมพลาดก็คือ Cheese Fondue
สภาพภูมิอากาศของสวิสเซอร์แลนด์
ลักษณะภูมิอากาศของสวิตเซอร์แลนด์มี 4 ฤดูกาล
ฤดูใบไม้ผลิ
อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือน พฤษภาคม สภาพอากาศ เย็นสบาย แต่ถ้าขึ้นไปบนภูเขาสูงมีหิมะปกคลุม อุณหภูมิจะติดลบ เมื่อถึงฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยหิมะ และอาจมีฝนตกในบางครั้ง เป็นฤดูที่มาพร้อมบรรยากาศสวยงามกว่าฤดูใดทั้งหมด นอกจากนี้ พระอาทิตย์ยังขึ้นเร็วกว่าช่วงฤดูหนาวและตกช้ากว่าอีกด้วย
ฤดูร้อน
ฤดูร้อนอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือน สิงหาคม เป็นฤดูที่มีแสงแดดออกตลอดทั้งวัน อากาศจะอบอุ่นและเย็นชื้น แต่จะมีฝนตกบ้าง เดือนกรกฏาคมและสิงหาคมจะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุด
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือน พฤศจิกายนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ตอนกลางวันอากาศ อบอุ่นแต่เมื่อตกเย็นอากาศจะหนาวเย็นขึ้น และมีบรรยากาศที่สวยงามมาก เนื่องจากใบไม้ต่างเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองอร่ามและมีสีส้มอมแดง
ฤดูหนาว
เดือนธันวาคม ถึงเดือน กุมภาพันธ์ สภาพอากาศมีความชื้น ก่อนที่จะมีหิมะตก สภาพอากาศจะหนาวเย็นอย่างมาก บางพื้นที่อาจจะมีอุณหภูมิถึงขนาดติดลบ 10 องศาก็มี
โซนเวลาของสวิสเซอร์แลนด์
เวลาในสวิตเซอร์แลนด์จะเหมือนอิตาลีคือ…
GMT+1เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 6ชั่วโมง (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ )
GMT+2 เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ( มีนาคม – ตุลาคม)
เงินที่ใช้ในสวิสเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์ใช้เงินสกุล สวิสฟรังก์ เทียบเป็นเงินไทยได้ประมาณสามสิบห้าบาท ดังนั้นจึงขอเตือนว่าถ้าคุณจะไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ต้องแลกเงินสวิสฟรังก์ไปด้วย เพราะเงินยูโร จะไม่สามารถใช้ได้ (แม้จะมีบางร้านค้ารับแต่ไม่มาก)
ระบบไฟฟ้าใน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใช้ระบบไฟฟ้าคือ กระแสไฟฟ้า 220 โวลท์ ปลั๊กไฟเป็นปลั๊กกลมแบบ 3 ขา ชนิดที่เป็นแบบมาตรฐานใช้กันทั่วไป
เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
Bern
Bern เป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่มีความโรแมนติก การเดินเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้วและด้วยความสวยงามอย่างลงตัวทำให้ Bernได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกด้วย
Interlaken
Interlaken ที่เมืองบนหุบเขาที่สวยเหมือนเมืองในฝัน ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz ใครที่จะขึ้นเขา Jungfrau มักมาเริ่มต้นที่เมืองนี้

Jungfraujoch
Jungfraujoch จุงฟราวยอร์ค เป็นพื้นที่ช่องเขาระหว่างยอดเขา Mönch และ Jungfrau ของเทือกเขาแอลป์ Jungfraujoch และถือว่าเป็นไฮไลท์ของสวิต ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี รวมไปถึงวิวที่มองเห็นจนสุดขอบฟ้า Jungfraujoch มีความสูงประมาณ 3,471 เมตร และได้รับการขนานนามว่า หลังคายุโรป เป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ใช้เวลาสร้างนาน 16 ปี และยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ อีกด้วย

Grindelwald
ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 35 นาทีซึ่งระหว่าง 2 ข้างทางถูกขนาบข้างด้วยธารน้ำแข็ง ที่ทอดตัวยาวลงมาจากภูเขาสูงสู่หุบเขา จากที่นี่จะมองเห็นภูเขา Eiger ทางด้านเหนือ

Zurich
ศูนย์กลางการค้าทองคำของโลก เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ มีโรงละครโอเปร่า คอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่
น้ำตกไรน์ฟาลล์
The Rhine Fall หรือน้ำตก รายน์ เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก ซึ่งใกล้ๆกับตัวน้ำตก มีปราสาท Schoss Laufen ในวันที่1 สิงหาคมที่นี่จะมีการแสดงพลุ ซึ่งเป็นวันชาติของสวิตเซอร์แลนด์ มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของที่นี่ทุกปี
ประเทศฝรั่งเศส
เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงทั้งในด้านภาษา อาหาร แฟชั่นรวมทั้งประวัติศาศตร์ วัฒนธรรม และพิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อระดับโลก

ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศของฝรั่งเศสเรียกได้ว่ามีความหลากหลาย มีลักษณะภูมิประเทศแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน แม่น้ำลำธารที่ราบลุ่ม ป่าไม้ ที่ราบสูง ชายทะเล ช่องเขาและแม่น้ำที่สามารถเป็นทางเดินเข้าออกได้ทุกทิศ
ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป
ประชากรและวัฒนธรรม
ประชากรชาวฝรั่งเศส มีกว่า 65.9 ล้านคน ภาษาราชการคือภาษาฝรั่งเศส และส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
สภาพภูมิอากาศของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดู
ฤดูใบไม้ผลิ เมษายน – มิถุนายน อากาศจะอบอุ่นขึ้น ต้นไม้จะเริ่มผลิใบ ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน เพราะอากาศอาจจะกลับมาหนาวเมื่อไรก็ได้ อาจจะมีฝนตกบ้าง อากาศจะดีจริง ๆ ในเดือนพฤษภาคม ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 -18 องศา
ฤดูร้อน กรกฎาคม – กันยายน ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด จึงเหมาะกับการท่องเที่ยว โดยจะมีอุณหภูมิ ประมาณ 20 – 30 องศาฯ
ฤดูใบไม้ร่วง ตุลาคม – ธันวาคม ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง กลางวันสั้นมากขึ้น กลางคืนยาวขึ้น ฝนอาจจะตกบ่อย ท้องฟ้ามักเป็นสีเทาและมืดครึ้ม จึงไม่ค่อยเหมาะกับการท่องเที่ยว
4. ฤดูหนาว มกราคม –เมษายน ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีทั้งฝนและหิมะจึงอาจไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว ยกเว้นคนที่ชอบจริงๆ อุณหภูมิประมาณ -1 – 5 องศา
โซนเวลาของฝรั่งเศส
GMT+1เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 6ชั่วโมง (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ )
GMT+2 เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ( มีนาคม – ตุลาคม)
ค่าเงินที่ใช้ในฝรั่งเศส
เงินสกุล ยูโร
ระบบไฟฟ้าในประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนกับประเทศไทยคือเป็นแบบ 220 โวลต์ ซึ่งบางสถานที่ใช้เป็นปลั๊กสองตา บางแห่งก็เป็นปลั๊กชนิดสามขา หากจำเป็นต้องนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปด้วย ก็ควรเตรียมปลั๊กเสียบ หรือแอดปเตอร์ มาจากเมืองไทย จะได้สามารถใช้ปลั๊กได้ทั้ง 2 แบบ
เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส
ปารีส
ถือเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เพราะที่นี่มีบรรยากาศที่สุดโรแมนติก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มากมาย

หอไอเฟล
หอไอเฟล ถือได้ว่าเป็นเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่บนถนนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน เป็นหอคอยที่มีโครงสร้างเหล็ก ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย หอไอเฟลนี้ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบชื่อ “กุสตาฟ ไอเฟล” โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1889

ประตูชัย (Arc de triomphe de l’Étoile)
แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์ หรือ ประตูชัย เป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส ออกแบบโดยฌอง ชาลแกร็ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1806 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการปลุกแรงใจของชาติสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1

พระราชวังแวร์ซายส์
พระราชวังแวร์ซายส์ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระราชวังที่มีความสวยงามมากเป็นอันดับต้นๆของโลก

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า ระดับโลกเป็นจำนวนมาก และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลกที่เก่าแก่และใหญ่โต ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของโลก

การล่องเรือในแม่น้ำเซน
หากอยากจะชมทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงปารีส การล่องเรือในยามใกล้ค่ำเป็นทางเลือกที่ดีมากโดยเรือจะล่องจากหอไอเฟล ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจสองฝั่งแม่น้ำเซน รวมถึงผ่านโบสถ์นอทเทอร์ดัมด้วย

โบสถ์นอทเทอร์ดัม
เป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับเมืองปารีสมาช้านานสำหรับโบสถ์นอทเทอร์ดัม ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงปารีส และมีชื่อเสียงด้านความใหญ่โตหรูหรา มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก แต่ได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ไป คงต้องใช้เวลาบูรณะอีกนาน

นอกจากปารีส ฝรั่งเศสยังมีเมืองที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ เมืองนีซ ริเวียล่า โปรวองซ์ ลียง คานส์ ถ้าคุณมีเวลาก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมไปเที่ยวได้ครับ
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับทั้ง 3 ประเทศที่ผมอยากให้คุณรู้ก่อนเดินทางคงมีประมาณนี้ จดหมายฉบับหน้าผมจะเขียนถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อนเดินทางเรื่องสุดท้ายนั่นคือการขอ VISA ที่หลายคนทั้งกลัวและกังวล จะเป็นยังไงเตรียมอ่านกันนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
Fanpage : M Eat and Travel
3 thoughts on “Review เที่ยวอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 9 วัน 8 คืน Part 2 : ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส”