Review เที่ยวอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 9 วัน 8 คืน Part 9 : Day 7 Paris Day #2

ถึง..เธอ

วันนี้จะเป็นวันที่สองที่ผมจะไปเที่ยวสถานที่ไฮไลท์สำคัญๆในปารีส โดยเฉพาะพระราชวังแวร์ซาย ดังนั้นผมจึงรีบตื่นแต่เช้ามาเติมพลังกันที่ห้องอาหารเช้ากันก่อน ซึ่งอาหารต่างๆถือว่าเยอะมากๆ และดีกว่าโรงแรมที่ผ่านๆมาเลยครับ 

อิ่มกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางกันซึ่งจริงๆ เราตั้งไป shopping กันก่อนที่ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ แต่เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาห้างเปิด ทางทัวร์เลยพาไปเดินชมวิวอาคารสวยๆที่พิพิธภัณฑ์ทหารซึ่งเดิมมีชื่อว่า  เลเเซงวาลิด (Invalides) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ให้สร้างเพื่อเป็นโรงพยาบาลสำหรับทหาร

ปัจจุบัน Invalides เป็นทั้งที่ตั้งพิพิธภัณฑ์กองทัพฝรั่งเศสซึ่งมีโลงศพของนโปเลียนอยู่ที่นี่ /  Hôtel des Invalides รวมทั้งโบสถ์เซ็นต์หลุยส์แห่งเลเเซงวาลิด 

บริเวณด้านหน้ายังมีอนุสาวรีย์ของ Maréchal Fayolle นายพลชาวฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นนักการทูตได้รับการยกย่องให้เป็นจอมพลแห่งฝรั่งเศส

เดินฆ่าเวลากันไม่นานพวกผมก็เดินทางไป ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ มีสาขาอยู่ตามเมืองใหญ่ๆมากมายในหลายๆประเทศ เป็นห้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา เป็นสวรรค์ของนักช็อปสินค้าแบรนด์เนมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับ 

นอกจากสินค้าที่มีให้ช็อปแบบจุใจแล้ว ด้านในห้างยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากๆด้วยครับ

Galeries Lafayette CR Wikipedia

ตอนที่ผมไปต้องยอมรับว่าห้างนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยอะจริงๆ โดยเฉพาะชาวจีน ถึงขนาดที่แต่ละร้านจะต้องมีพนักงานขายที่พูดจีนได้ประจำอยู่ 2-3 คน และขาช็อปมีเยอะขนาดที่ต้องแบ่งรอบการเข้าร้านเป็นรอบๆ ไม่งั้นคงจะแออัดอย่างมาก

ข้อดีของการมาซื้อของที่นี่ก็คือการคืนเงินภาษีให้กับนักท่องเที่ยว แต่แถวก็ยาวมากๆ และใช้เวลาพอสมควรเลย เพราะฉะนั้นใครจะขอคืนภาษีต้องเผื่อเวลาไว้เยอะๆเลย

คนไทยเองก็คงมาช็อปที่ห้างนี้ไม่น้อยเพราะถึงขนาดมีป้ายภาษาไทยด้วย 

พวกผม shop กันถึงเที่ยงกว่าๆก็ได้เวลาไปทานมื้อเที่ยงกัน ซึ่งสลับกลับมาเป็นอาหารจีนอีกแล้วซึ่งอาหารต่างๆรวมทั้งรสชาติค่อนข้างดีเลยครับ

ทานมื้อเที่ยง เติมพลังกันเต็มที่แล้วพวกผมก็ไปเที่ยวกันต่อที่…

จัตุรัสแห่งความปรองดอง (Place de la Concorde)

จัตุรัสกลางกรุงปารีส มีพื้นที่ถึง 86,400 ตารางเมตร สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เมื่อแรกสร้างมีชื่อ ปลัสหลุยส์แก็งซ์ (Place Louis XV) ต่อมาหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1789 จึงได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ ปลัสเดอลาเรวอลูว์ซียง (จัตุรัสแห่งการปฏิวัติ) ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสและพระนางมารี อ็องตัวแน็ตถูกประหารด้วยกิโยตีนในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส

ที่ลานแห่งนี้จะมีจุดศูนย์กลางเป็น “เสาโอเบลิสก์” เหมือนที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในนครรัฐวาติกัน ที่ผมเขียนเล่าไว้ในตอน Review เที่ยวอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 9 วัน 8 คืน Part 4 : Bangkok – Rome – Vatican

เสานี้เดิมตั้งอยู่ที่ทางเข้าวิหารอามอน เมืองลุกซอร์ ประเทศอียิปต์ ฝรั่งเศสได้มาจากอุปราชของอียิปต์ ชื่อ เมเฮเหม็ด อาลี ได้มอบเป็นของขวัญ บริเวณโคนเสามีลายเส้นเขียนภาพฉาบด้วยสีทอง แสดงการขนย้าย ชักรอกลงเรือมายังประเทศฝรั่งเศส เดิมเสาหินนั้นมีหัวเสาครอบอยู่ด้วยแต่โดนโจรกรรมไปเมื่อราว 600 ปีก่อนคริสตกาล รัฐบาลฝรั่งเศสจึงนำแผ่นทองมาปิดไว้ ให้สวยงามขึ้น

จากลานนี้ พวกผมก็เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดในวันนี้

พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) 

เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่ตำบลแวร์ซาย ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงปารีส พระราชวังแวร์ซายได้รับการยอมรับว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ถ้าพูดถึงชื่อเสียงพระราชวังแวร์ซายอาจจะเรียกว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกก็ว่าได้

แต่โดยส่วนตัวผม ถ้าพูดถึงพระราชวังที่ทั้งสวยงามและยิ่งใหญ่มากที่สุด ผมอยากยกให้พระราชวังฤดูร้อน Peterhof ที่เมือง St. Petersburg ประเทศรัสเซีย จากที่ไปเห็นมาแล้วทั้งแวร์ซายและ Peyerhof ผมอยากจะบอกว่า Peterhof เว่อวัง อลังการกว่ามาก ทั้งด้านนอก ด้านใน ไว้ผมจะเขียนมาเล่าประสบการณ์ในการเที่ยวรัสเซียในตอนต่อๆไป

พระราชวัง Peterhof ที่เมือง. St. Petersburg รัสเซีย Cr. Wiki

เดิมเมืองแวร์ซายเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงนิยมล่าสัตว์บริเวณนี้ จึงทรงให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็ก ๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 โดยใช้เวลาถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทั้งพระราชวังทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีศิลปกรรมที่งดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากมาย ภายในแบ่งออกเป็นห้อง ๆ ต่างๆ ถึง 700 ห้อง เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องหนังสือ ฯลฯ มีผู้อาศัยในพระราชวังไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมายืนถ่ายรูปด้านหน้าพระราชวังกันก่อน ซึ่งจุดนี้จะมีบรรดาคนขายของที่ระลึก ทั้งสุจริตและมิจฉาชีพแฝงตัวมาปะปนกันมากมาย ต้องระวังตัวกันไว้ด้วยนะครับ

เมื่อเข้ามาด้านใน พวหผมอ้อมไปดูสวนที่พระราชวังด้านหลังกันก่อนซึ่งสวนที่ติดกับพระราชวังนั้นโดยส่วนตัวผมคิดว่าดูแลไม่ค่อยดีนัก จากสวนของวังดูไม่ต่างกับสวนชาวบ้านไปเลย คือมันไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้พิเศษสมกับเป็นสวนของพระราชวังที่มีชื่อเสียงขนาดนี้

เรื่องแปลกคือแม้พระราชวังจะมีห้องต่างๆมากมายถึง 700 ห้อง แต่ห้องที่พระราชวังแห่งนี้ไม่มีเลยคือห้องสุขา ตามบันทึกพบว่ามีเพียงห้องเล็กๆที่มีเก้าอี้ถ่ายวางอยู่ 274 โถ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับคนกว่า 20,000 คนแน่นอน จึงเป็นเรื่องเล่าว่าแขกที่มาจึงต้องนำกระโถนมาเอง และนำไปเททิ้งในสวนดอกไม้

ชมสวนกันแล้วก็ได้เวลาเข้าไปชมความงามด้านใน ซึ่งต้องยอมรับว่าสวยงาม ตระการตาจริงๆครับ

ห้องที่มีชื่อเสียงที่สุดของพระราชวังแห่งนี้คือห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เพราะเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อครั้งเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย 

 ห้องบรรทมของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ก็เป็นห้องที่มีความหรูหรามากๆ ลวดลายบนผนังห้องได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปะเกรย์สเกลแบบรอคโคโค่ทำให้บรรยากาศของห้องเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ที่หรูหราจริงๆ

ส่วนห้องบรรทมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถือเป็นห้องสำคัญที่สุดและสวยงามที่สุดในพระราชวังแห่งนี้เช่นกัน

นอกจากนั้นยังมีห้องต่างๆให้เข้าชมอีกมากมาย

ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายเปิดให้เข้าชมได้ ภายในพระราชวังแวร์ซายมีทั้งหมด 700 ห้อง มีภาพวาด 6,123 ภาพ และงานแกะสลักทั้งหมด 15,034 ชิ้น โดยเก็บค่าเข้าชม 20 ยูโร ซึ่งก็เช่นเคยเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าคิวนานๆ ควรจะซื้อบัตรออนไลน์มาก่อนครับ

ภาพวาดตอนนโปเลียนขึ้นครองราชย์ซึ่ง Copy มาเดี๋ยวของจริงจะไปดูที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

จากความยิ่งใหญ่ของพระราชวังแวร์ซาย ผมก็ไปสถานที่เที่ยวสุดท้ายในวันนี้ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเช่นกันเพราะเป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพหอไอเฟลได้ชัดที่สุด

อนุสรณ์สถาน ปาแลเดอชาโย (Palais de Chaillot)

อยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ทรอกาเดโร (Trocadéro) เดิมเคยพื้นที่จัดงานแสดงนิทรรศการนานาชาติที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1878 โดยมีชื่อเดิมว่าปาแลดูว์ทรอกาเดโร ถูกออกแบบในสไตล์ตะวันตกผสมแบบชาวมัวว์ และแบบสถาปัตยกรรมไบแซนทีน 

อนุสรณ์สถานถ่ายตอนผมขึ้นไปบนหอไอเฟล

ในปี ค.ศ. 1937 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็นปาแลเดอชาโย และถูกสร้างใหม่ในสไตล์อาร์ตเดโคช่วงของยุคปลาย และเพิ่มเติมตึกให้ทันสมัยมากขึ้น โดยมีสถานที่สำคัญในบริเวณนี้มากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและทะเลแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของฝรั่งเศส และโรงละครแห่งชาติ

 ที่สำคัญตรงกลางของตึกทั้งหมดเป็นลานกว้างโล่งเอาไว้ ซึ่งลานนี้มีความพิเศษตรงอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับหอไอเฟลโดยไม่มีอะไรมาบัง บริเวณนี้จึงเป็นจุดที่จะถ่ายรูปหอไอเฟลได้สวยที่สุด

ณ จุดนี้ก็เก็บรูปหอไอเฟลกันไปรัวๆเลยครับ

ถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟลจนอิ่มใจแล้ว แต่ท้องก็เริ่มหิว ก็ได้เวลาไปชิมเมนูที่ใครมาฝรั่งเศสแล้วก็ต้องมาชิม โดยผมไปทานกันที่ร้าน Tavern Karlsbrau

หอยทากอบเนย (Escargots au beurre persillé) 

เป็นอาหารระดับภัตตาคารของฝรั่งเศส มักทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟก่อนอาหารจานหลัก เดิมทีเป็นอาหารพื้นเมืองของแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) และแคว้นฌ็องปาญ 

Escargots แปลว่าหอยทาก ส่วน beurre persillé คือเนยที่ทำมาจากเนยสด มาทานรวมกับพลาสลีย์และกระเทียมสับละเอียด 

แม้จะเป็นอาหารขึ้นชื่อของฝรั่งเศส แต่ก่อนทานผมก็ต้องทำใจอยู่หน่อยเหมือนกันเพราะใจมันจะคอยไปนึกถึงหอยทากในบ้านเราตลอด แต่พอทานแล้วก็ไม่รู้สึกนะครับ รสชาติของเนยกับพลาสลี่ย์ค่อนข้างเด่น จริงคือถือว่าอร่อยเลย

นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารทะเลแบบมินิ ( ไม่ใหญ่แบบจุในเหมือนอาหารทะเลบ้านเรา) รวมทั้งสเต็กปลาแซลม่อนมาเสริฟด้วย พร้อมทั้งไวน์แดง ไวน์ขาวแบบพรั่งพร้อมแบบ 1 คนได้มาคนละชุดเลย อันนี้ถูกมากๆครับ

สำหรับการเที่ยวปารีสในวันที่สองของผมคงจบวันนี้ พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะเที่ยวในปารีสก่อนจะบินกลับเมืองไทยจากปารีสเลย

พรุ่งนี้จึงเรียกว่ารวบตึงแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ที่เหลือกันเลย ทั้งการไปขึ้นหอไอเฟล ประตูชัย ถนนฌ็องเซลิเซ่ มหาวิหารนอร์ทเทอร์-ดามและ ถนนพิพิธภัณฑ์ลูฟท์  

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

มารออ่านในตอนหน้านะครับ

อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน

รักและคิดถึง

Mgastronome

Fanpage : M Eat and Travel

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s