ถึง…เธอ
จดหมายฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายสำหรับการเที่ยวภูเก็ตในภาคแรก ที่ผมต้องเขียนบอกว่าเป็นภาคแรกเพราะจริงๆ ทริปภูเก็ตที่พวกผมวางแผนไว้ซึ่งได้จ่ายเงินไปแล้วทั้งค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่าเรือยอร์ชท่องเที่ยว ฯลฯ นั้นไม่สามารถมาเก็บครบในทริปนี้ทริปเดียวได้ โดยเฉพาะตั๋วเครื่องบินที่ถูกยกเลิกไป ส่วนทริปเรือยอร์ชสุดหรูก็ไม่สามารถไปได้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เกาะต่างๆปิด เพราะเป็นช่วงมรสุม พวกผมจึงตั้งใจเก็บโปรแกรมท่องเที่ยวเหล่านี้ไว้มาใหม่อีกครั้ง
ดังนั้นการเที่ยวรอบนี้โปรแกรมจึงไม่แน่นมาก เรียกว่าเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน
เช้าวันสุดท้ายในภูเก็ตวันนี้พวกผมก็ตื่นกันสายๆแล้วไปเติมพลังกันที่ห้องอาหารของโรงแรม


หลังจากอิ่มกันแล้วพวกผมวางแผนจะไปชมวิวเกาะภูเก็ตที่แหลมกระทิง แต่…อย่างที่ผมเขียนเล่าด้านบนว่าช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ฟ้าฝนเลยไม่เป็นใจ เช้านี้หลังจากผมออกจากโรงแรมฝนก็เทลงมาอย่างหนัก พวกผมก็เลยเปลี่ยนแผนไปหาที่นั่งคุยดื่มชากันแทน เราจึงไปจบกันที่ร้าน RYN แถวย่าน Old Town แทน

ร้าน RYN Authentic Tea & Slow drop coffee
คาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นญี่ปุ่นที่แฝงตัวอยู่ในย่าน Old Town ของภูเก็ต ตัวร้านมีขนาดแค่หนึ่งคูหาแต่การตกแต่งหน้าร้านก็ทำให้ร้านนี้โดดเด่นแตกต่างจากร้านใกล้เคียงทำให้หาไม่ยากเลย

ยิ่งเข้ามาด้านในยิ่งให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่ร้านธรรมดา บรรยากาศในร้านให้ความเป็นญี่ปุ่นแบบสุดๆ ทั้งการตกแต่ง ข้าวของเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ


ทางร้านมีพื้นที่เป็น 2 ชั้น โดยที่นั่งส่วนใหญ่อยู่ชั้นบนซึ่งมีที่นั่งทั้งแบบนั่งโต๊ะ และนั่งพื้นแบบญี่ปุ่นเลย


พื้นที่ด้านล่างมีโต๊ะนั่งค่อนช้างน้อย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของเหล่าบาริสต้าที่เปิดโล่งให้เห็นกระบวนการชงและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ

ตามมุมต่างๆในร้านยังมีชุดถ้วยชากาแฟที่เป็นเซรามิกแบบไม่ซ้ำกันเลยให้เลือกช็อปกันด้วย


ในส่วนของการสั่งเมนูต่างๆนั้น ผมชอบมากที่ทางร้านมีการแจงรายละเอียดแต่ละเมนูว่ามีจุดเด่นในแต่ละเรื่องยังไงบ้าง เช่น เรื่องกลิ่น ความหวาน ความเป็นครีม หรือความขม ฯ ทำให้คุณเลือกเมนูได้ตามความชอบได้เลย


พวกผมสั่งชาเขียวร้อนและเย็น รวมทั้งกาแฟ ซึ่งต้องบอกว่ารสชาติดี โดยเฉพาะชาเขียวได้ความเป็นชาเขียวเข้มข้นมาก



ที่ผมชอบคือชาเขียวนั้นมีการใส่น้ำให้มาเติมในกระติกมาด้วย พร้อมทั้งมีของทานเล่นมาให้ด้วย

เป็นอีกหนึ่งร้านที่ถ้ามาภูเก็ตแล้วอยากให้ไปลองทานกันดูครับ ร้าน RYN Authentic Tea & Slow drop Coffee จะเปิดตั้งแต่ 09.00 – 18.00 น. แต่จะทุกปิดทุกวันอังคาร ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Facebook : RYN Authentic Tea & Slow drop Coffee
พวกผมใช้เวลานั่งคุยในร้านนานพอสมควรเพราะฝนตก วันนี้คนเลยเข้าร้านน้อย บนชั้น 2 มีแค่พวกผมเพียงกลุ่มเดียว พอฝนเริ่มซาพวกผมก็เลยออกไปเดินเล่นในย่าน Old Town กันอีกหน่อยก่อนจะเดินทางไปทานมื้อเที่ยงกันเลย
ร้านอาหารที่ผมไปทานกันนั้นมีความพิเศษมากๆเพราะเป็นร้านที่อยู่บนแพขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางทะเล เป็นการทานอาหารแบบกลางทะเลจริงๆ
แพครูวิทย์
เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนแพลอยน้ำ อยู่ระหว่างเกาะภูเก็ตและเกาะมะพร้าว ดังนั้นวัตถุดิบจะถูกเลี้ยงไว้ในกระชังกลางทะเล คุณจึงมั่นใจได้ว่าว่าอาหารแต่ละเมนูคือสดๆจากทะเลจริงๆ ที่สำคัญวิวและบรรยากาศที่นี่คือดีมากๆจริงๆ แบบหาทานที่ร้านอื่นไม่ได้

เนื่องจากร้านอยู่กลางทะเล การเดินทางไปที่ร้านจะต้องนำรถไปจอดที่ท่าเรือแหลมหิน แล้วจะมีบริการเรือหางยาวนำคุณไปที่ร้านซึ่งห่างไปไม่ไกล แค่ 5 – 10 นาทีเท่านั้นถือเป็นการไปทานอาหารที่ได้ประสบการณ์อีกแบบเลย




วันที่ผมเดินทางไปทานอาหารที่ร้านนั้น เนื่องจากฝนตกมาตั้งแต่เช้าทำให้ท้องฟ้าวันนี้แดดร่มลมตก ไม่มีแดดเลยซึ่งซึ่งดีมากๆ เพราะบรรยากาศตั้งแต่นั่งเรือไปคือดีมากๆ


เมื่อถึงที่ร้านซึ่งเป็นแพที่ลอยอยู่กลางน้ำจริงๆ ไม่มีส่วนที่ติดผืนแผ่นดินใหญ่เลย เป็นร้านอาหารกลางทะเลแท้ๆแบบไม่จกตา


ร้านแพครูวิทย์ มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลย มีโต๊ะทั้งแบบ outdoor และนั่งใต้หลังคามุมจาก




นอกจากนั้นจุดเด่นของร้านคือรอบๆร้าน จะมีอาหารทะเลสดๆที่เลี้ยงไว้ในกระชัง ทั้งปลา ปู กุ้ง และยังมีปลาสวยงามรวมทั้งปลาฉลามตัวเล็กๆ เลี้ยงไว้ให้แขกที่มาทานได้เดินชมด้วย แต่ที่นี่แน่ๆ ปลา ปู กุ้งเหล่านี้และที่จะนำมาทำเป็นเมนูขึ้นโต๊ะอาหาร เรียกว่าอาหารนั้นสดจากทะเลจริงๆ





สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดในการมาทานอาหารที่ร้านนี้คือการได้ชื่นชมบรรยากาศทะเลรอบๆ พร้อมกับสัมผัสลมอ่อนๆที่พัดโชยมาตลอดเวลา คือฟินมากจริงๆ

เนื่องจากวันนี้ เรากินกันมาทั้งวันตั้งแต่เช้า เมนูที่เราสั่งกันวันนี้เลยไม่ได้เยอะมาก มีหอยนางลม ส้มตำทะเล แกงส้ม ปลาเป๊ะซะ และเมนูที่ผมขสดไม่ได้เลยไม่ว่าทานมื้อไหนคือไข่เจียว ไหนๆมาทานที่ทะเลก็เลยสั่งเป็นไข่เจียวกุ้ง







รสชาติคืออร่อยเลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง โดยเฉพาะความสดของวัตถุดิบนั้นสดมากจริงๆ ที่สำคัญทุกอย่างมีขนาดใหญ่มากๆ


อีกอย่างที่ต้องชม แม้จะเป็นแพกลางทะเล แต่ห้องน้ำก็ทำไว้อย่างดี สะดวกสบายมากๆครับ
หลังจากอิ่มกันแล้ว ผมก็นั่งคุยกันเพลินๆแล้วไปเดินเล่นดูกระชังปลารอบๆ อีกนิดหน่อย จากนั้นก็เตรียมตัวกลับครับโดยแค่แจ้งพนักงานว่าจะกลับ พนักงานก็จะเรียกเรือกลับไปท่าเรือแหลมหินครับ


กว่าจะทานมื้อเที่ยง หรือจริงๆต้องรียกว่ามื้อบ่ายก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 3 แล้ว พวกผมเลยไปจุดหมายของสุดท้ายของวันนี้ รวมทั้งทริปภูเก็ตรอบนี้ด้วย
วัดพระใหญ่เมืองภูเก็ต
วัดพระเป็นวัดที่ประดิษฐานของ “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี” ตั้งอยู่บนยอดเขานาคเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต องค์พระทุทธรูปเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบร่วมสมัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร ความสูงถึง 45 เมตร องค์พระด้านในจะเป็นโครงสร้างเสริมหล็กแต่ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนหยกขาวจากพม่า น้ำหนักเฉพาะหยกขาวนั้นหนักถึง 135 ตัน





บริเวณรอบๆองค์พระ จะมีพระประจำวันเกิด และ พระเกจิชื่อทั้ง หลวงปู่สรวง หลวงปู่มั่น รวมทั้งเทพต่างๆ ให้ได้สักการะกันด้วย
จุดไฮไลท์ของวัดพระใหญ่นอกจากองค์พระแล้ว จากบริเวณองค์พระบนยอดเขายังสามารถมองเห็นวิว 360 องศาของเมืองภูเก็ตได้อีกด้วย คุณสามารถเห็นวิวหาดและเกาะต่างๆ ในภูเก็ตได้ทั้ง หาดกะตะ หาดกะรน อ่าวฉลอง เรียกว่าได้ดูวิวสวยๆ ของภูเก็ตแบบรอบๆ เลย






แต่จากบริเวณจุดชมวิว จะมีฝูงลิงจำนวนมากอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งห้ามให้อาหารและต้องระวังตัวด้วยนะครับ


หลังจากทำบุญสักการะพระใหญ่กันแล้ว พวกผมก็กลับเข้าเมือง เพราะยังมี List สุดท้ายที่พวกผมแพลนกันว่าจะต้องจัดในทริปภูเก็ตรอบนี้ นั่นคือการไปทานร้านอาหารชื่อดังในภูเก็ตนั่นคือร้านระย้า ซึ่งทำให้เราต้องกลับไปย่าน Old Town อีกครั้ง (วนเวียนอยู่แถวนี้แหละ)





ร้านระย้า
ร้านระย้าเป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังของภูเก็ต ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2537 โดยมีเมนูที่ดังมากๆคือ “แกงเนื้อปูใบชะพลู” ที่ ที่นิยมมาทานกับเส้นหมี่ หรือขนมจีน หรือแม้แต่ข้าวเปล่าก็อร่อย นอกจากนั้น “หมูฮ้อง” ที่นำหมูสามชั้นมาเคี่ยวนานกว่า 3 ชั่วโมง จนได้หมูรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมที่นุ่มลิ้นที่ใครได้ลองแล้วจะติดใจ


วันนั้นจริงๆก็พวกผมก็อิ่มกันมากๆ แต่ไหนๆมาแล้วก็ต้องลอง พวกผมเลยสั่งเมนูเด็ดอย่าง แกงเนื้อปูใบชะพลู หมูฮ้อง แกงส้ม ผัดสะตอ มาทานกัน






หลังจากทานแล้ว รสชาติถือว่าอร่อยเลยครับ โดยเฉพาะแกงเนื้อปูใบชะพลู และหมูฮ้อง แต่รวสชาติของอาหารอื่นๆ ก็ได้มาตรฐานอร่อยของร้านระดับนี้ ที่หาทานในร้านอื่นๆ เพราะบางเมนูก็มีหลายร้านที่ผมทานในทริปนี้อร่อยกว่า
ร้านระย้า เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น. หลังจากอิ่มแล้ว พวกผมก็เดินเล่นยามค่ำกันที่ย่าน old town กันอีดนิดหน่อย ก่อนจะรีบกับโรงแรม เพราะวันพรุ่งนี้พวกผมต้องขับรถอีกไกลเพื่อกลับกรุงเทพ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมต้องตื่นกันตั้งแต่เช้า แล้วรีบลงมาทานมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารของโรงแรม แล้วก็รีบ check out เพื่อขับกลับกรุงเทพ

ระหว่างทางกลับ พวกผมตัดสินใจมาแวะทานร้านข้าวต้มฝาแฝด ใกล้ๆแยกปฐมพร จังหวัดชุมพร ที่เราแวะทานข้าวต้มปลาแสนอร่อยกันตอนขามา



ขากลับพวกผมจึงกลับมาทานร้านนี้อีกครั้งเพราะยังมีเมนูอร่อยๆ มีเยอะมากที่พวกผมยังไม่ได้ลอง โดยเฉพาะเมนูที่มีกากหมูเป็น Signature ของร้านนี้ประกอบด้วย เช่น ต้มยำหัวปลา หรือเนื้อปลา และยำเนื้อปลา รวมทั้งเมนูที่แปลกอีกเมนูของร้านนี้คือเมนูที่ชื่อว่า ไข่ฟก ซึ่งหาทานได้เฉพาะภาคใต้เท่านั้น โดยไข่ฟกจะเหมือนไข่เจียวที่ทอดกลมฟูเป็นก้อน แทนที่จะเป็นแผ่นๆ แบบไข่เจียวทั่วไป







ต้องบอกเลยครับว่าร้านนี้รสชาติใต้แบบแท้ๆ จริงๆ เข้มข้น และอร่อยมากกๆ ใครผ่านไปผ่านมาต้องแวะชิมให้ได้นะครับ
อิ่มกันแล้ว พวกผมก็เดินทางกันต่อเพื่อเดินทางกลับ เป็นอันจบทริปภูเก็ต ภาค 1 เพราะผมยังค้าง Package ต่างๆที่ซื้อไว้ตั้งแต่การแพลนมาเที่ยวครั้งแรก แต่การเลื่อนทริปรอบนี้ยังมีหลายอย่างที่ผมไม่ได้ใช้ เช่น การล่องเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆเนื่องจากเป็นช่วงการปิดเกาะ พวกผมจึงตัดสินใจจะกลับไปภูเก็ตอีกครั้ง
แล้วผมจะเขียนมาเล่าถึงทริปภูเก็ตภาค 2 ให้คุณอ่านอีกครั้งนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
Mgastronome
Fanpage M Eat and Travel