ถึง…เธอ
จดหมายฉบับนี้ผมจะนำคุณไปเที่ยว Sydney กันต่อในวันที่ 2 คับ
ตื่นเช้ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง อย่างที่ผมเขียนมาเล่าให้คุณอ่านไว้ใน Review Bounce Hostel , Sydney , Australia ว่าที่ Bounce Hostel แห่งนี้ไม่มีอาหารเช้า แต่ที่นี่มีครัวแบบจริงจังให้คุณทำอาหารได้เลย ซึ่งเช้าวันนั้นผมก็เข้าครัวมาทำอะไรทานแบบง่ายๆ เอ่อ คืออย่าเรียกว่าทำเลยครับ จริงๆแล้วผมแค่เอาแซนวิชกับน้ำส้มที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาวางใส่จานแล้วทานเป็นมื้อเช้าเท่านั้นเอง 555
หลังจากอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเที่ยวกันครับ โดยวันนี้เราจะออกนอก Sydney ไปชายหาดที่มีชื่อเสียงมากของออสเตรเลียที่ชื่อว่า Bondi Beach โดยวิธีไปต้องใช้รถเมล์เท่านั้น ดังนั้นผมแนะนำให้คุณมีบัตร Opal ไว้เนื่องจากประเป็นประโยชน์มากในสำหรับใช้เดินทางใน Sydney และพื้นที่ใกล้ๆ ทั้ง รถเมล์ รถไฟและเรือ
เจ้าบัตร Opal (อ่านว่า โอ-พีล) เป็นบัตรที่ใช้สำหรับจ่ายค่าโดยสารได้ทั้งรถเมล์ รถไฟและเรือ โดยสามารถซื้อที่ร้านสะดวกซื้อหรือตู้อัตโนมัติทั่วไปนะครับ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต้องประเมินการใช้ให้ดีเพราะเจ้าบัตรตัวนี้ถ้ามีเงินเหลือการขอเงินคืนค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว
ถ้าคุณพักที่ Bounce Hostel การเดินทางไป Bondi Beach จะสะดวกมากๆเลยครับ เพราะคุณแค่เดินข้ามถนนไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามเพื่อไป Bondi Junction ที่เป็นสถานีขนส่งของ Bondi เพราะผมต้องไปเปลี่ยนรถที่นั่นครับ

ที่สถานีขนส่ง Bondi Junction มีรถเมล์หลายสายมากที่จะผ่าน bondi beach ซึ่งจากที่หาข้อมูลมาผมตั้งใจจะนั่งสาย 380 แต่วันนั้นผมเห็นคนที่ลงรถมาด้วยกันเดินไปรอขึ้นสาย 381 โดยตัวรถก็ขึ้นป้ายว่าไป Bondi Beach ผมก็เลยขึ้นตามๆเขาไป ปรากฏว่าสายนี้ก็ผ่านป้ายรถ Bondi Beach ด้วย
จุดที่จะลงดูได้ไม่อยากเลยครับ เพราะนอกจากจะมีชื่อที่ป้ายแล้ว คนที่นั่งไปด้วยกันในรถก็ลงที่ป้ายนี้กันแทบจะหมดคันเลย
Bondi Beach
เป็นหนึ่งในหาดชื่อดังที่สุดของออสเตรเลียและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะระยะทางที่ห่างจากใจกลางเมือง Sydney เพียง 10กิโลเมตร หาด Bondi จึงเป็นหาดที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของซิดนีย์ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี ตั้งแต่งานแสดงศิลปะของชุมชนไปจนถึงการแข่งขันวิ่งมาราธอนด้วย
หาดทรายของหาด Bondi ยาวมาก กว้างมาก แต่เห็นแดดแรงๆแบบนี้ น้ำในทะเลค่อนข้างเย็นเลยคับ และคลื่นก็ค่อนข้างแรงเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นคนลงไปเล่นน้ำ ส่วนใหญ่จะนอนอาบแดดอยู่บนชายหาดมากกว่า
อีกจุดหนึ่งของชายหาดแห่งนี้ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปถ่ายรูปกันคือที่ Bondi Icebergs poolซึ่งอยู่ทางด้านขวาสุดของหาด ที่ Bondi Icebergs pool จะเป็นสโมสรที่มีทั้งร้านอาหารและสระว่ายน้ำให้คุณไปว่ายน้ำโดยเสน่ห์ของสระแห่งนี้คือเป็นสระว่ายน้ำที่ติดกับทะเลเลย และจะมีคลื่นแรงๆมากระทบตลอดเวลาทำให้ได้ภาพที่แปลกตามาก
ผมเดินเล่นบนชายหาดไปสักพักแล้วก็กลับไปริมถนนที่ร้านอาหารและร้านค้าให้เดินดูเยอะเหมือนกัน
ผมกลับไปที่ป้ายรถเมล์เดิมเพื่อขึ้นรถเมล์สาย 380 ไปจุดหมายต่อไปนั่นคือ Watsons Bay ซึ่งเป็นจุดที่ผมจะนั่งเรือกลับ Sydney ด้วย
ป้ายรถเมล์ Watson Bay จะอยู่บริเวณท่าเรือ Watsons Bay ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Gap Park ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งนึงของที่นี่

Gap Park
หรือ The Gap เป็นหน้าผาที่ทอดเป็นแนวยาวไปตามชายฝั่งซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปดูความสูงชันของริมหน้าผานี้และมองออกไปยังทะเลได้
นอกจากสถานนี้จะขึ้นชื่อในความสวยงามแปลกตาของริมหน้าผาแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดที่มีคนนิยมมาฆ่าตัวตายด้วย จึงมีป้านเตือนสติกัล Hot line สายด่วนปรึกษาปัญหาชีวิตเป็นระยะๆ
ผมเดินขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อไปยังจุดชมวิวซึ่งจะเห็นหน้าผาสูงชัน รวมทั้งวิวของบริเวณรอบๆ ได้เป็นภาพที่สวยดีครับ
พื้นที่ของ Gap Park ค่อนข้างกว้างใหญ่ คุณสามารถเดินเข้าไปด้านในเพื่อเข้าไปชมหน้าผาส่วนอื่นๆได้อีก โดยถ้าคุณเข้าไปข้างในจะมีจุดที่คุณสามารถเห็นแหลมที่ยื่นออกมาเป็นแนวยาวเป็นอีกมุมที่น่าไปชมครับ
ผมเดินชมบรรยากาศที่ Gap Park ไปสักพัก ผมก็กลับลงไปที่ Watsons Bay เพื่อนั่งเรือกลับ Sydney
บริเวณท่าเรือ Watsons Bay มีทั้งชายหาด ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกซึ่งตอนแรกผมตั้งใจจะมาทานมื้อเที่ยงที่หาดแห่งนี้แต่ปรากฏว่าวันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ทุกร้านมีแขกมารอเข้าคิวทานอาหารกันเต็มไปหมด ผมเลยเปลี่ยนแผนนั่งเรือกลับไปทานที่ฝั่ง Sydney ดีกว่า

จุดขายตั๋วเพื่อขึ้นเรือจะอยู่ด้านหน้าเลย โดยจะมีเรือมาเป็นรอบๆ แต่ถ้าคุณมีบัตร Opal Card ก็สามารถใช้ได้นะครับ อย่างที่ผมเล่าวไว้ว่าบัตรนี้มีประโยชน์มากเพราะใช้ได้ทั้งรถไฟ รถเมล์และเรือเลย

หลังขึ้นเรือ ผมแนะนำให้นั่งชั้นบนนะคับ จะได้ถ่ายรูปสวยๆ ซึบซับบบรรยากาศ แต่ต้องเตือนก่อนว่าถ้านั่งชั้นบนจะโดดแดดแบบตรงๆเลยเพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าอุปกรณ์กันแดดมีพร้อม รวมทั้งทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมาแล้ว
ที่ผมแนะนำให้คุณขึ้นไปด้านบน และอยากจะแนะนำเพิ่มเติมว่าให้อยู่ทางด้านซ้าย เพราะ ณ จุดนี้จะทำให้คุณได้ภาพ Opera House ที่ถ่ายจากมุมบนเรือซึ่งผมว่าสวยกว่าถ่ายบนบกเยอะเลย
นอกจากนั้นยังเห็นได้ทั้งสะพาน Harbor bridge กับ Opera House ด้วย
เรือจะมาจอดเทียบท่าซึ่งตรงนี้ผมได้เห็นว่ามีช่องจอดเรือเยอะมาก เลยเพิ่งรู้ว่าท่าเรือตรงนี้จะเป็นจุดที่สามารถเดินทางไปจุดต่างๆมากมายเลย
จากท่าเรือผมตั้งใจจะเดินไป The Rock ที่อยู่ใกล้ๆ กันต่อคับ ซึ่งต้องเดินผ่าน Museum of contemporary art ด้วย ตรงบริเวณนี้ก็เป็นอีกจุดที่คุณสามารถถ่ายรูป Opera House จากอีกมุมได้สวย
เนื่องจากผมเปลี่ยนแผนทานมื้อเที่ยงจาก Watsons Bay มาทำให้ตอนนั้นรู้สึกหิวมาก ระหว่างทางไป The Rock ผมเลยแวะทานมื้อเที่ยงก่อนซึ่งบริเวณทางเดินไป The Rock มีร้านอาหารให้เลือกมากมายเลยครับ รวมทั้งมีตลาดขายของด้วย
ตอนทานอาหาร คุยไปคุยมาเลยรู้ว่าน้องพนักงานเสริฟเป็นคนไทยไปอีก ตอนแรกต่างฝ่ายต่างลังเล เอ๊ะ ไทย จีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลี เลยไม่กล้าถามกัน 555
หลังจากอิ่มแล้วก็ได้เวลาไปเดิน the rock กันต่อ
The Rocks
เป็นเมืองเก่า และเป็นสถานที่ที่กองเรือกองแรกของอังกฤษพาผู้คนชุดแรกจำนวน 1,030 คนเข้ามาถึงซิดนีย์ เมื่อเดือนมกราคม ปี 1788 ในจำนวนนี้มีนักโทษชาย500 คน นักโทษหญิง 200 คน และเด็กอีก 13คน พวกเขาได้ทำการบุกเบิกหักร้างถางพง สร้างร้านค้า โรงพยาบาล บ้านเรือนและค่ายทหารขึ้นมา จากนั้นได้มีการปรับปรุงสร้างบ้านเมืองมาเรื่อยๆตราบเท่าทุกวันนี้

เดินไปเรือยๆ ในบริเวณนี้จะมีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมด้วย

ผมเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงใต้สะพาน Harbour Bridge
สะพาน Harbour bridge จะมีบริการสำหรับคนใจกล้าที่อยากจะลองปีนขึ้นไปด้วยนะคับ แต่ราคาค่อนข้างแรงอยู่เหมือนกัน คือใจกล้าไม่กลัวความสูงแล้ว ต้องกล้าจ่ายด้วย 555
การปีนขึ้นสะพาน Harbour Bridge แต่ละครั้งจะประกอบด้วยคนประมาณ12 คนซึ่งจะถูกยึดติดกันด้วยสายเคเบิ้ลที่ว่ากันว่าแข็งแรงสุด ๆ แล้วต้องใส่ชุดที่ทางทีมงานเตรียมให้เท่านั้น
หลังจากเดินจนเหนื่อยแล้ว ผมก็เดินกลับมาที่บริเวณทางขึ้น The Rock เพื่อมาทานร้านขนมชื่อดังมากๆของที่นี่นั้นคือร้าน La Renaissance Patisserie
มองจากด้านหน้าเหมือนจะเป็นร้านเล็กๆ ไม่มีที่นั่ง แต่จริงๆแล้วด้านหลังร้านจะทำเป็นสวนเล็กๆ พร้อมที่นั่งทานขนม แต่ก็ไม่ได้มีโต๊ะมากนะครับ

ต้องบอกคุณเลยเลยว่าร้านขนมร้านนี้นอกจากความน่าทานจากหน้าตาที่ขนมที่ทำออกมาได้น่าทานมากๆ แล้ว รสชาติก็อร่อยมากๆๆๆๆ สายขนมหวานอย่างผมรู้สึกไม่ผิดหวังเลย รู้สึกฟินมากกก ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาสไป Sydney ต้องไปลองขนมร้านนี้ให้ได้นะครับ
อิ่มแล้วผมก็ไปเดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นอยู่แถวนี้จนมืดค่ำ แล้วก็ไปหามื้อเย็นทานที่ Spice Alley คับ
Spice Alley
เป็นการรวมร้านอาหารของ 6 ชาติมารวมไว้ที่เดียวกัน ชาติที่ว่าก็ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลย์ ไทย จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น ซึ่งบรรยากาศก็จะเหมือนตรอกเล็กๆ เมื่อเข้าไปแล้วก็จะมีแต่ละร้านตั้งอยู่ต่อๆกัน โดยมีทั้งพื้นที่ๆเป็น IndoorและOutdoor ที่สำคัญการตกแต่งของแต่ละร้านก็จะเป็นไปตามชาตินั้นๆ เลย ถือว่าเป็นสถานที่ๆ ให้บรรยากาศในการทานอาหารที่ดีมากๆเลยครับ
เนื่องจากผมเป็นสายราเมง วันนี้นั้นผมเลยเลือกทานร้านราเมงญี่ปุ่น รสชาติก็ถือว่าอร่อยเลยครับ ไม่ผิดหวัง
อิ่มแล้ว คืนนั้นผมก็กลับที่พักเลยครับ เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันที่เดินเยอะ โดนแดดเยอะจนเริ่มไม่สบายเหมือนกัน
จดหมายฉบับหน้าผมจะเขียนมาเล่าถึงวันสุดท้ายใน Sydney ผมจะพาคุณไปเที่ยวที่ไหนก็รอติดตามอ่านนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
One thought on “Review เที่ยวออสเตรเลีย : Brisbane – Moreton Island – Gold Coast – Sydney Part 8 : Day 6 – Sydney Day2”