ถึง…เธอ
จากจดหมายฉบับที่แล้ว Review เที่ยวอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 9 วัน 8 คืน Part 2 : ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ที่ผมเขียนมาเล่าถึงความรู้เบื้องต้นก่อนจะไปเที่ยวอิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ให้คุณอ่านแล้ว มาถึงจดหมายฉบับนี้ผมจะเขียนถึงสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องรู้และทำก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวนั่นคือการขอวีซ่า
ในจดหมายฉบับที่แล้ว ผมได้เกริ่นไปแล้วถึงสหภาพยุโรปซึ่งเป็นการรวมกลุ่มประเทศในยุโรป28 ประเทศ ที่มีการร่วมกันใช้กฎหมายและกฎระเบียบร่วมกันซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ VISA ที่ทุกประเทศจะใช้ร่วมกันโดยเรียกชื่อว่า วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)ซึ่งเป็น VISA ที่ถ้าได้มาแล้วจะสามารถใช้ในการเดินทางเข้าทุกประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้
วีซ่าเชงเก้นคืออะไร
วีซ่าเชงเก้น คือ วีซ่าเข้าประเทศในระยะสั้นหรือชั่วคราว เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน หรือภายในเวลา 180 วัน โดยให้สิทธิ์ในการเดินทางเข้าทุกประเทศในเขตสหภาพยุโรปจำนวน 26 ประเทศ ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, สเปน, ไอซ์แลนด์,อิตาลี, ออสเตรีย, กรีซ,แลตเวีย, ลิกเตนสไตน์, ลิธัวเนีย,ลักเซมเบอร์ก, มอลตา, นอร์เวย์,โปรตุเกส, โปแลนด์, ฝรั่งเศส,สวีเดน, เยอรมัน, สโลวัก,สโลวีเนีย, ฟินแลนด์, สวิตเซอร์แลนด์,เดนมาร์ก, เชค, ฮังการี และ เอสโตเนีย
นอกจากนี้วีซ่าเชงเก้งยังสามารถใช้เข้าประเทศที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของสหภาพยุโรปได้อีกอาทิ โมนาโค (Monaco) ซานมารีโน (San Marino) วาติกัน (Vatican) และ โครเอเชีย (Croatia) ที่อนุญาตให้ผู้ถือเชงเก้นวีซ่าแบบ Double Entry หรือ Multiple Entry ที่ยังไม่หมดอายุ ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศได้เช่นกัน
แม้ Visa Schengen จะสามารถใช้เข้าประเทศอะไรก็ได้ แต่การยื่นขอ VISA ไม่ใช่จะไปยื่นที่สถานทูตประเทศไหนก็ได้ การขอ VISAจะต้องทำการยื่นขอวีซ่าจากประเทศที่เป็นจุดหมายหลักซึ่งความหมายของประเทศจุดหมายหลักคือ
- ประเทศที่คุณจะไปพำนักอยู่นานที่สุด เช่นถ้าคุณจะเดินทางไปหลายๆประเทศ ประเทศไหนที่ไปอยู่นานที่สุดก็จะต้องไปยื่นขอVISA ที่สถานทูตประเทศนั้น
- ถ้าคุณไปพำนักในแต่ละประเทศในเวลาที่เท่าๆ กัน ให้คุณไปยื่นขอวีซ่าจากสถานทูตประเทศที่คุณจะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรก
ขั้นตอนเตรียมเอกสารทำวีซ่า
แม้ VISA Schengen จะเป็น VISA ที่ใช้ร่วมกันกับทุกประเทศ แต่กฎระเบียบ ความยากง่าย และระยะเวลาในการอนุมัติของแต่ละสถานทูตจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าจะไปยื่นวีซ่าประเทศใดก็ต้องศึกษากฎระเบียบในการยื่น VISA ในแต่ละประเทศให้ดี เพราะแต่ละประเทศจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แตกต่างกันออกไป ผู้ขอวีซ่าควรเข้าไปศึกษาจากเวปไซด์ของประเทศนั้นๆ ก่อน เพื่อความถูกต้องของข้อมูลและความเรียบร้อยในการเตรียมเอกสาร
ประเภทวีซ่าเชงเก้น
วีซ่าเชงเก้นนั้นมีหลายประเภท อาทิ วีซ่าแวะเปลี่ยนเครื่อง (ประเภท A) วีซ่าประเทศทางผ่าน (ประเภท B) วีซ่าแบบพำนักระยะสั้น (ประเภท C) และวีซ่าที่เข้าได้เฉพาะประเทศ (ประเภท D)
ทั้งนี้ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว คุณจะต้องทำวีซ่าแบบพำนักระยะสั้น (ประเภท C) เป็นหลัก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ระยะเวลาพำนักในประเทศกลุ่มเชงเก้นรวมไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วันนับตั้งแต่เดินทางถึงกลุ่มประเทศเชงเก้น (หากคุณได้วีซ่าแบบMultiple Entry ก็หมายความว่าทุก ๆ 6 เดือน คุณจะอยู่ในยุโรปได้นานสูงสุด 3 เดือนเท่านั้น)
- จำนวนวันที่ได้รับในวีซ่ามีหลักๆ 3 แบบ คือ
- Single Entry ใช้เข้าออกได้ครั้งเดียว
- Double Entry ใช้เข้าออกได้ 2 ครั้ง
- Multiple Entry ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตามอายุของวีซ่า
ซึ่งจำนวนวันที่จะได้รับในแต่ละประเภทนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต โดยระยะเวลานานสุดจะเป็น VISA แบบ Multiple Entry ที่อาจได้อายุนาน 1 ปี ถึง 4 ปีเลย
การยื่นคำร้องขอ VISA
- ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่า คุณต้องมั่นใจแล้วว่า คุณเลือกประเทศที่ถูกต้องในการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น เพราะการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นผิดประเทศ สถานทูตก็มีสิทธิ์ปฏิเสธการออกวีซ่าให้คุณได้
- ช่องทางในการให้บริการยื่นVISA มีหลายช่องทางแล้วแต่ละสถานทูตดังนี้
- ยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตโดยตรง
- ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าVFS Global
- ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าTLS Contact
- ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าBLS International
- การขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องมีการทำประกันภัยการเดินทางที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท และแต่ละประเทศยังมีการกำหนดบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับด้วย ซึ่งคุณจำเป็นต้องตรวจสอบรายชื่อและใช้บริการกับบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น
- วีซ่าเชงเก้นสามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง
- ขั้นตอนในขอ VISA จะค่อนข้างคล้ายๆกัน ได้แก่ จองคิว > กรอกเอกสารและจัดเตรียมหลักฐาน > ยื่นเอกสารและเก็บข้อมูลชีวภาพ> เรียกสัมภาษณ์ (ถ้าสถานทูตต้องการ เป็นบางท่าน) >รอฟังผลการพิจารณา > รับหนังสือเดินทางคืนพร้อมผลการขอวีซ่า
- การขอ VISA Schengen คุณจะต้องเดินทางไปศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตด้วยตนเอง และไม่สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแทนได้ เนื่องจากต้องมีการเก็บข้อมูลทางชีวภาพ
- ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตจะเก็บข้อมูลทางชีวภาพของคุณได้แก่ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และถ่ายภาพเต็มหน้าของคุณตามข้อกำหนดของวีซ่าเชงเก้น
- ส่วนใหญ่การยื่นคำร้องกับศูนย์รับคำร้องขอวีซ่านั้นจะไม่มีการสัมภาษณ์ ทั้งนี้สถานทูตอาจจะเรียกสัมภาษณ์คุณในระหว่างการพิจารณาได้ถ้าหากมีข้อสงสัย (เท่าที่ผมได้ยินมา บางครั้งมีการโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลจากบุคคลที่เป็น reference ต่างๆ ที่คุณกรอกไว้ด้วย เช่น ฝ่ายบุคคลของบริษัทที่คุณทำงานอยู่)
- โดยปกติแล้วคุณจะทราบผลภายใน 15 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นเอกสาร และคุณสามารถรับเอกสารและหนังสือเดินทางคืนหลังรับทราบผลแล้วได้
เอกสารการขอวีซ่าเชงเก้น
- เอกสารคำร้องขอ – เอกสารที่คุณต้องพิมพ์หรือกรอกเรียบร้อยแล้ว
- หนังสือเดินทาง – ต้องเป็นหนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 3 เดือน มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า กรณีที่มีหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าให้นำไปด้วยทั้งหมด และถ่ายสำเนาหน้าแรกพร้อมกับหน้าที่เคยได้วีซ่า/เดินทางไปประเทศอื่นด้วย
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาอื่น ๆ ถ้ามี อาทิเช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาทะเบียนหย่า สำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล เป็นต้น (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
- รูปถ่ายหน้าตรง – ต้องใช้รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ (ควรตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละสถานทูตอีกครั้ง)
- ประกันการเดินทาง –ต้องมีวงเงินประกันขั้นต่ำ 1,500,000 บาท (30,000 ยูโร) และต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่สถานทูตให้การรับรอง
- ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน
- ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก ในเอกสารต้องระบุการเข้าพักในช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ระบุไว้เท่านั้น
- ใบยืนยันการจองตั๋วรถไฟ/รถเช่า (ถ้ามี)
- แผนการเดินทาง (วันที่ เวลา ต้องสอดคล้องกับตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก ตั๋วพาหนะต่างๆ)
- เอกสารรับรองการทำงาน
- กรณีเป็นพนักงาน: ต้องใช้หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อบริษัท ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันเริ่มงาน และระบุจุดหมายปลายทาง ช่วงวันเดินทาง และวันที่จะกลับถึงประเทศไทยอย่างชัดเจน พร้อมลงนามและประทับตรา
- กรณีเป็นเจ้าของกิจการ: สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนอายุไม่เกิน 3 เดือน พร้อมทะเบียนการค้า หรือใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ และเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีชื่อของคุณเป็นเจ้าของกิจการ
- รายการเดินบัญชีเงินฝาก – สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากที่ปรับรายการย้อนหลังไม่ต่ำกว่า 6 เดือนถึงปัจจุบัน ควรมีเงินฝากที่เพียงพอต่อการท่องเที่ยวในระยะเวลาที่แจ้งได้อย่างไม่มีปัญหา หรือขอรายการเดินบัญชีที่ได้รับตราประทับจากธนาคาร
- สลิปเงินเดือน – กรณีมีรายได้ประจำ ให้แนบสลิปย้อนหลัง 6 เดือน โดยยอดเงินสุทธิในสลิปจะต้องสอดคล้องกับรายการเดินบัญชีเงินฝากด้วย
- กรณีไม่มีรายได้เป็นของตนเอง
- หลักฐานแสดงรายได้ของคู่สมรส
- หลักฐานแสดงรายได้ของญาติ พร้อมหนังสือรับรองความเป็นญาติ
- สูติบัตรและทะเบียนบ้าน – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหลักฐานแสดงถึงความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ที่ร่วมเดินทางไปด้วย โดยใช้สูติบัตรร่วมกับทะเบียนบ้านที่อ้างอิงถึงชื่อบิดามารดา
- จดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้เดินทางพร้อมบิดามารดาร่วมกัน ผู้ปกครองที่เป็นบิดาหรือมารดาที่ไม่ได้ร่วมไปด้วยทั้งหมดต้องลงชื่อในจดหมายยินยอมที่ออกโดยที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต
- เอกสารรับรองการศึกษา – กรณีเป็นนักเรียน/นักศึกษา ต้องใช้หนังสือรับรองจากสถานศึกษาที่สังกัดอยู่เป็นภาษาอังกฤษ
- หลักฐานอื่นๆ ขอให้ดูรายละเอียดจากสถานทูต
เวลาที่ใครมาขอคำแนะนำในการขอ VISA ผมมักจะแนะนำเสมอให้ตรวจสอบกับเวบทางการของสถานทูตใหม่ทุกครั้งก่อนยื่นขอVISA เพราะกฎเกณฑ์ต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บางอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่ก็ส่งผลต่อการอนุมัติ VISAเช่นกัน ดังนั้นผมจึงขอย้ำเรื่องนี้อีกครั้งนะครับว่า…สำคัญมากๆ
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเชงเก้น
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเชงเก้นในประเภทพำนักระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยว ทุกประเทศคิดค่าธรรมเนียมเท่ากันคือ 60 ยูโร แต่ทั้งนี้ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าจะเรียกเก็บเป็นเงินบาทไทยซึ่งต้องชำระในวันนัดยื่นคำร้อง โดยอาจเรียกเก็บไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับค่าเงิน และมีค่าธรรมเนียมดำเนินการของศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าแยกต่างหากด้วย ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายรวมจะอยู่ที่ 2,500 – 3,500 บาทโดยประมาณ
สถานที่ยื่นขอวีซ่าเชงเก้น
สำหรับการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องทราบว่าประเทศที่คุณจะขอยื่นนั้น ต้องยื่นวีซ่าผ่านช่องทางใด ผมแนะนำให้ดูจากสถานทูตดีที่สุดตามช่องต่างๆกันที่ผมเขียนไว้ด้านบนแล้ว โดยศูนย์ยื่น VISA หลักๆ มีดังนี้
ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global
อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 28 ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.30 น.
ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact
สาทรซิตี้ทาวเวอร์ ชั้นที่ 12 ถนนสาทรใต้ 175 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ 10120
เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ 08:00 – 16:30 น. (พักทำการเวลา 12:30 – 13:30 น.)
ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International
อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 ชั้น 22 ห้องเลขที่ 2211 เลขที่ 399 ถนนสุขุมวิท (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ 08:30 – 16:00 น. (พักทำการเวลา 12:00 – 13:00 น.)
สำหรับผม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขอ VISA คือการเตรียมตัวที่ดี ยิ่งคุณเตรียมตัวล่วงหน้าได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสผ่านเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่มีตัวเลขในบัญชีไม่ค่อยสวยงาม (ซึ่งมักจะเป็นประเด็นสำคัญ) เพราะอย่างน้อยเราจะสามารถเตรียมตัวและคอย monitorตัวเลขในบัญชีให้มีความน่าเชื่อถือล่วงหน้าเป็นระยะเวลาพอสมควร เพราะส่วนใหญ่จะเอาเงินก้อนจำนวนหนึ่งมาใส่ในบัญชีล่วงหน้าก่อนขอ VISAไม่นานซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือว่าทำไมอยู่ดีๆถึงมีเงินก้อนเข้ามา
รวมทั้งการเตรียมตัวอื่นๆ โดยเฉพาะแผนงาน เอกสารที่มีความน่าเชื่อถือว่าคุณมีแผนการท่องเที่ยวที่จริงจัง
ในกรณีการเดินทางที่ผ่านบริษัททัวร์ การยื่น VISA ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ง่ายขึ้นขึ้นอยู่กับประวัติและความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วยนะครับ
หวังว่าข้อมูลเรื่องการขอ VISA ที่ผมเขียนมาเล่าจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมขอ VISAของคุณและหวังว่าคุณจะผ่านไปด้วยเรียบร้อย
ในจดหมายฉบับหน้า ผมจะเริ่มนำคุณเดินทางออกบินไปท่องเที่ยว อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส กันแล้ว รออ่านกันนะครับ
อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
Fanpage : M Eat and Travel
One thought on “Review เที่ยวอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 9 วัน 8 คืน Part 3 : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)”